- เผยยังเคารพเหมือนเดิม ย้ำไร้ข้อขัดแย้ง
- ลั่นจากนี้ พปชร. เตรียมลุยปรับนโยบายทำงานให้ดีขึ้น เพื่อพิชิตใจประชาชน
- หวังสร้างศรัทธา เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า
- เลี่ยงตอบประเด็นชื่อ “บิ๊กตู่” ยังขายได้หรือไม่
วันนี้ (26 พ.ค.65) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงคะแนนนิยมพรรคพลังประชารัฐ ภายหลังการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานครว่า ผู้บริหารพรรคมีมติให้ปรับปรุงนโยบาย รับฟังเสียงประชาชน ปรับปรุงการทำงานของพรรคหลายด้าน อย่างการประชาสัมพันธ์
“ยอมรับว่าที่ผ่านมา บางนโยบายยังไม่ถูกใจพี่น้องประชาชน จากนี้ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น ต้องมีนโยบายใหม่ๆ มีแนวทางการทำงานใหม่ๆ เพื่อให้พรรคเข้มแข็ง ทันสมัย ตรงกับความต้องการของประชาชน และให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นศรัทธา ในช่วงเวลาที่ยังเหลืออยู่ก่อนการเลือกตั้ง” นายชัยวุฒิ กล่าว
ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า ชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยังขายได้หรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลา หากปรับปรุงการทำงานแล้ว มีนโยบายใหม่ๆ ก็ค่อยว่ากันอีกทีว่า จะเดินหน้าอย่างไรสำหรับการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเรื่องของอนาคต เรื่องหลักตอนนี้คือการทำนโยบาย ให้ตรงตามความต้องการของประชาชนทำงานให้ดีขึ้น
นายชัยวุฒิ ยังกล่าวถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย ที่ถือเป็นอดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐว่า เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ เป็นผู้ใหญ่ที่ทำงานด้วยกันมา ยังคงรักและเคารพนับถือ การที่ร.อ.ธรรมนัส ออกไปตั้งพรรคเศรษฐกิจไทย ก็ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่เหมาะสม อีกทั้งต้องทำงานร่วมกับรัฐบาลทำงานเพื่อประชาชน
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าไม่มีความขัดแย้งกันขนาดที่ ร.อ.ธรรรมนัส จะไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามกัน แต่ ร.อ.ธรรรมนัส จะคิดอย่างไรตนไม่ทราบ ขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจ
นอกจากนี้ เมื่อถามถึงกระแสที่จะเชิญ ร.อ.ธรรมนัส กลับมาอยู่พรรคพลังประชารัฐนั้น นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ยืนยันว่ายังไม่มีใครไปเชิญ พวกเรายังทำงานร่วมกันได้ และเข้าใจได้ว่า มีความต้องการที่จะไปทำในสิ่งที่ถนัด มีพรรคการเมืองของตัวเอง มีอิสระในการทำงาน อีกทั้งในพรรคพลังประชารัฐก็ยังไม่มีใครพูดคุยกันว่า อยากให้ ร.อ.ธรรมนัส กลับมากระแสข่าวก็คือข่าวลือ ต่างคนต่างอยู่ก็แฮปปี้ดีแล้ว
อีกทั้งเมื่อถามว่า ท่าทีพรรคเศรษฐกิจไทยยังไม่ชัดเจนว่าจะอยู่ฝั่งไหน จะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ดูจากจำนวนเสียงที่มีอยู่ของรัฐบาล หากไม่นับพรรคเศรษฐกิจไทย ก็ยังผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้มั่นใจว่าเสียงยังพอแน่นอน
