“จุรินทร์”สวนกลับ”เพื่อไทย” โกหกกลางสภาคดีถุงมือยาง 2 พันล้าน

.ลั่นคดีคืบหน้าหมดทั้งวินัย แพ่ง อาญา และหาคนชดใช้เสียหาย

.โดนหางเลขหมดทั้งเจ้าหน้าที่อคส.จนถึงอดีตประธานบอร์

.เดินหน้าหาคนผิดชดใช้เสียหาย 3 โครงการรวม 5.4 แสนล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ก.ค.65) เวลา 9.20 น. ที่ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฏร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวชี้แจงภายหลังนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล กรณีการทุจริตจัดซื้อถุงมือยางเทียมขององค์การคลังสินค้า (อคส.)


นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนชี้แจงไปชัดเจนแล้วเกือบทั้งสิ้น เพียงแต่ท่านมาเติมว่าตั้งแต่วันที่ท่านอภิปรายถึงวันนี้ไม่มีความคืบหน้า และตนไม่กล้าจัดการอะไรกับประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) อคส.ที่ท่านกล่าวหาไม่เป็นความจริง และท่านโกหกกลางสภา แอบอ้างผลงาน ว่าท่านนำเรื่องไปยื่น ป.ป.ช. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และ ป.ป.ช. ไต่สวนผู้เกี่ยวข้อง 22 ราย มีความก้าวหน้าในคดี ป.ป.ช. อันนี้ก็โกหก ไม่จริง ป.ป.ช.ไต่สวน ไม่ใช่เอาสำนวนท่านไปไต่สวน ไต่สวนเพราะ อคส. ไปยื่นแจ้งให้สอบสวนคดีทุจริต และมีความคืบหน้า คาดว่า อาจจะมีมติชี้มูลเร็วๆ นี้ ที่สำคัญไม่ได้เกี่ยวข้องกับตน ในแง่ที่ตนจะเป็นผู้ร่วมกระบวนการทุจริต ไม่เคยมีการเรียกตนไปชี้แจง หากเกี่ยวข้องต้องเรียกตนไปชี้แจง ยังไม่เคยมี ขอทำความเข้าใจด้วย

“ที่ท่านกล่าวหาว่าผมเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริต ไม่เป็นความจริง ทั้งในที่ลับ ที่แจ้ง ทั้งเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทันทีที่ทราบเรื่อง ก็เข้าไปบริหารจัดการจนเรื่องเข้าสู่กระบวยการยุติธรรม มีความคืบหน้าเป็นลำดับ และสอบผู้เกี่ยวข้องหมดแล้ว ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตัวเล็กจนตัวใหญ่ ถึงผู้อำนวยการ ประธานบอร์ด”

สำหรับภารกิจของ อคส. ในการทวงเงินคืน จากการกระทำการทุจริตที่ อคส. ต้องเป็นเจ้าของเรื่อง ไม่ได้มีแต่เรื่องถุงมือยาง อย่างน้อยมี 3 เรื่อง ที่อคส.เป็นผู้เสียหาย หรือเป็นเงิน 3 ก้อนใหญ่ ที่ต้องดำเนินการ มีความคืบหน้าทั้งสิ้น ได้แก่ 1.ทุจริตถุงมือยาง 2,000 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ซึ่งป.ป.ช.มีมติอายัดบัญชีตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.63 2.เงิน 504,861 ล้านบาท ที่ อคส.ต้องเรียกค่าเสียหายคืนจากการทุจริตจำนำข้าวสมัยพวกท่านเป็นรัฐบาล จนถึงขณะนี้ ยังไม่จบ และ3.เงินทุจริตโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ที่พวกท่านเป็นรัฐบาล ต้องไปทวงเงินคืนมาทั้งหมด 33,000 ล้านบาท


“หลังจากที่ท่านอภิปรายครั้งก่อน ทุกอย่างมีความคืบหน้า วันนั้นท่านโกหกหลายเรื่อง ทั้งกล่าวหาว่าไม่เคยตั้งกรรมการสอบ และกล่าวหาว่าไม่เคยมีการอายัดเงิน ก็ไม่จริง ป.ป.ช.อายัดเงินแล้ว ที่บอกว่าไม่เคยดำเนินคดีก็ไม่จริง ส่งป.ป.ช. และ ปปง. (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) ซึ่งเป็นการเริ่มต้นกระบวนการยุติธรรม ผมอธิบายไว้ชัดเจนว่า คนทำผิด ไม่ว่าจะรู้จักใคร ผู้ใหญ่ขนาดไหน รู้จักนายกรัฐมนตรี รู้จักรัฐมนตรี ไม่ได้แปลว่าจะมีอำนาจล้นฟ้า เมื่อไหร่ที่ทำผิดกฎหมาย ก็ต้องเข้าคุก ไม่ว่าใครทุจริตโครงการนี้ จะจัดการทั้งทางวินัย แพ่ง อาญา จนถึงที่สุด”

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า หลังอภิปรายครั้งนั้น มี 3 เรื่องที่ตนเร่งรัดดำเนินการ 1.คดีแพ่งกับอาญา สั่งการให้ผู้อำนวยการ อคส.คนใหม่ ให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช., ปปง.ในทุกเรื่อง ติดตามรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ

และเร่งรัดการลงโทษทางวินัย ใครเกี่ยวข้องให้นำเงิน 2,000 ล้านบวกดอกเบี้ยมาชดใช้ค่าเสียหาย ล่าสุด คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง สรุปผลการสอบวินัยเสร็จ ได้ชี้มูลความผิด 3 ราย มีมติให้ไล่ออกทั้ง 3 ราย

โดยผู้อำนวยการ อคส.ออกคำสั่งไล่ออก 2 รายแรกตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.64 ส่วนอดีตรักษาการผู้อำนวยการ บังเอิญโดนคำสั่งย้ายไปสำนักนายกรัฐมนตรี จึงถามกฤษฎีกาว่า ใครจะต้องเป็นผู้ลงโทษทางวินัย ระหว่างสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ อคส. กฤษฎีกาตอบว่าเป็นหน้าที่ของปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งปลัดสำนักนายกฯต้องตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย ตอนนี้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี จบเรื่องวินัย แต่ต้องติดตามต่อไป

ส่วนเรื่องละเมิด ติดตามทวงเงิน 2,000 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยคืนนั้น ใครกระทำความผิดหรือเกี่ยวข้องต้องนำเงินมาชดใช้ เพราะเป็นเงินหลวง ต้องไล่เบี้ยจนมีผู้นำเงินมาชดใช้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา อคส.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบความรับผิดทางละเมิด ซึ่งผลออกมาแล้วว่า มีผู้ต้องรับผิดทางละเมิด 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่พบเจตนาทำให้รัฐเสียหาย มี 4 ราย ที่ต้องชดใช้ และชดใช้คนละ 400.8 ล้านบาท รวม 1,603 ล้านบาท โดย 3 ใน 4 ราย เป็นผู้ที่ถูกไล่ออกเพราะมีความผิดวินัยร้ายแรง

“รายที่ 4 ที่เพิ่มเข้ามาคือ อดีตประธานบอร์ดอคส. วันนี้ชัดเจนว่า ต้องรับผิดชอบ ชดใช้ความเสียหายด้วย ข้อหาเจตนาทำให้รัฐเสียหาย 400 ล้านบาท และ2.กลุ่มที่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จนทำให้รัฐเสียหาย มี 3 ราย ชดใช้คนละ 133.6 ล้านบาท รวม 400.8 ล้านบาท รวม 2 กลุ่มเป็นเงิน 2,000 ล้านบาท บวกดอกเบี้ย”

“รายที่ 4 ที่เพิ่มเข้ามาคือ อดีตประธานบอร์ดอคส. วันนี้ชัดเจนว่า ต้องรับผิดชอบ ชดใช้ความเสียหายด้วย ข้อหาเจตนาทำให้รัฐเสียหาย 400 ล้านบาท และ2.กลุ่มที่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จนทำให้รัฐเสียหาย มี 3 ราย ชดใช้คนละ 133.6 ล้านบาท รวม 400.8 ล้านบาท รวม 2 กลุ่มเป็นเงิน 2,000 ล้านบาท บวกดอกเบี้ย”

ทั้งนี้ ตามกระบวนการของพ.ร.บ.พการรับผิดทางละเมิดเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงคลังเป็นผู้ชี้ขาด ได้ส่งเรื่องไปยังกระทรวงการคลังแล้ว ตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.65 แต่ยังติดประเด็นข้อกฎหมายของอดีตประธานบอร์ด ที่ก่อนหน้านี้ ผู้อำนวยการอคส.ได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบความรับผิดทางละเมิด และมีผลสรุปว่า อดีตประธานบอร์ด ต้องชดใช้ความเสียหายให้อคส.

แต่มีประเด็นว่า ประธานบอร์ด เป็นผู้บังคับบัญชา คำสั่งของผู้อำนวยการอคส.จะมีผลบังคับใช้ได้หรือไม่ จึงได้สอบถามไปยังกฤษฎีกา และได้ตอบกลับมาว่า หากพบความผิดทางละเมิดของประธานบอร์ด ให้รัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบ โดยใช้กรรมการสอบชุดเดิมได้ เพื่อผลสอบจะได้ไม่เกิดความลักลั่น ซึ่งเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 65 ตนได้ลงนามแต่งตั้งกรรมการสอบความรับผิดทางละเมิดประธานบอร์ด ขระนี้สอบเสร็จสิ้น และแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว สาเหตุที่ล่าช้า เพราะติดขัดข้อกฎหมาย ไม่ได้ล่าช้าเพราะต้องการปกป้องใคร

ขณะที่ส่วนการไต่สวนของ ป.ป.ช. ตนทราบจากข่าว สำนักข่าวอิศรา เปิดเผยว่า การไต่สวนคดีทุจริตถุงมือยางเสร็จแล้ว กำลังเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ต่อไป

“ที่ท่านกล่าวหาในญัตติว่า ผมปล่อยปละละเลย ไม่ติดตามแก้ไขปัญหาการทุจริตเพื่อให้มีการชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่รัฐ หรือ อคส. จึงไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม กลับมีความคืบหน้าในทุกกรณีตามขั้นตอนกระบวนการกฎหมาย ที่ท่านบอกว่า ไม่เห็นความคืบหน้า ท่านหูดับแล้ว เพราะทั้งหมดคือความคืบหน้าของการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ชัดเจนทุกเรื่องทั้งแพ่ง อาญา วินัยแ ละการหาตัวผู้กระทำผิดมาชดใช้ค่าเสียหาย 2000 ล้านบาทบวกดอกเบี้ย ส่วนถ้าจะส่งเรื่องเพิ่มเติมไปให้ ป.ป.ช.ก็ไม่มีปัญหา ดี จะได้ช่วยกันตรวจสอบการทุจริต ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ผมพร้อมให้ความร่วมมือ ท่านไม่ต้องห่วง”