“จิรายุ”แฉรัฐบาลไส้แห้งทำจ่ายเงินประกันสังคมล่าช้าเกิดเหตุแถมอ้างเหตุจากโควิดเป็นพิษ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการรัฐวิสาหกิจองค์การมหาชน และกองทุน เปิดเผยว่า  ขณะนี้ได้รับการร้องเรียนเรื่องความล่าช้าและเงื่อนไขยุ่งยากในการรับเงินช่วยเหลือจากกองทุนประกันสังคม โดยผู้ประกันตนที่ถูกหักเงินทุกเดือนว่าเป็นเงินของตนเองทั้งสิ้น ที่ฝากเข้าสมทบกับกองทุน ทุกเดือนที่คนจำนวนมากไม่เคยใช้เงินกองทุนแม้แต่บาทเดียว โดยผู้จ่ายเงินประกันตนระบุว่าเงินประกันสังคม ขอคืนไม่ใช่ขอทาน โดยผู้จ่ายเงินไม่มั่นใจและสงสัยว่าสำนักงานกองทุนประกันสังคมได้นำเงินของกองทุนไปใช้อย่างไร จึงดูเสมือนว่ากองทุนไม่มีเงินจะช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์โควิด-19 เพราะมีขั้นตอนซับซ้อนและล่าช้ากว่าประชาชนทั่วไปทั้ง ๆ ที่ผู้ประกันตนมีข้อมูลอยู่แล้ว

“จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเดือนมีนาคม 2563 มีผู้อยู่ในระบบกองทุนประกันสังคมประมาณ 1.2 ล้านคน และมีเงินกองทุนอยู่ถึงกว่า 2.1 ล้านล้านบาท โดยพบว่ามีการนำเงินไปลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ จำนวนมาก อาทิ เอาเงินไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมากถึง 1.5 ล้านล้านบาท มีลักษณะคล้าย “อัฐยายซื้อขนมยาย” ถึงร้อยละ 68 ที่เหลือนำไปซื้อหุ้นกู้เอกชนประมาณ 1 แสนล้านบาท ลงทุนในตราสารในประเทศกว่า 2 แสนล้านบาท ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และตลาดทองคำประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือสำนักงานประกันสังคมนำไปฝากธนาคารและลงทุนในตราสารทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งพันธบัตรของรัฐวิสาหกิจที่มีความเสี่ยงสูงประมาณแสนกว่าล้านบาท” นายจิรายุ กล่าว

นายจิรายุ กล่าวว่า ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกองทุนฯ มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้เงินและพิจารณาสถานะ ของกองทุนต่าง ๆ ทำหนังสือสอบถามไปยังผู้บริหารสำนักงานกองทุนประกันสังคม ว่าเหตุใดจึงเกิดความล่าช้า ทั้ง ๆ ที่ตัวเลขผู้ประกันตนมีอยู่ประมาณ 1.2 ล้านคน ซึ่งหากให้ความช่วยเหลือเพียงคนละ 7,000 บาท ซึ่งจะใช้เงินเพียง 8,000 กว่าล้านบาท รัฐบาลจ่าย 3 เดือน ใช้เงินประมาณ 24,000 ล้านบาทแค่ 2% ของเงินกองทุนทั้งหมด กองทุนประกันสังคมไม่น่าจะล่าช้าและมีขั้นตอนซับซ้อนเหมือนกรณีเงิน 5,000 บาท ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งแก้ไขและอธิบายให้ชัดเจนว่าที่ล่าช้าเป็นเพราะเหตุใด ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องง่าย หรือเป็นเพราะนำเงินไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และลงทุนอื่น ๆ จนหมดใช่หรือไม่ ขณะนี้หุ้นตก ราคาต่ำจึงไม่กล้าถอนเงินนำเงินของเขามาคืนหรืออย่างไร ซึ่งหลังจากกองทุนชี้แจงเป็นเอกสารแล้วจะนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาดำเนินการทันที