ค่าเงินบาทผันผวนหนัก คาดสัปดาห์หน้าอยู่ที่ 33.30-34.00บาท

  • แข็งค่าต้นสัปดาห์จากแรงซื้อต่างชาติในหุ้นและพันธบัตรไทย
  • ก่อนจะพลิกอ่อนค่าในปลายสัปดาห์หลังเงินดอลลาร์ฟื้น
  • ชี้ยังต้องติดตามประชุมธนาคารกลางยุโรป ยูเครน-รัสเซีย

“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานสถานการณ์เงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวในกรอบอ่อนค่า โดยเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นในช่วงต้น-กลางสัปดาห์สอดคล้องกับสถานะซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดีเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงในช่วงที่เหลือของสัปดาห์

ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)เมื่อวันที่ 15-16 มี.ค. และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด สะท้อนท่าทีการเร่งคุมเข้มนโยบายการเงิน ทั้งในส่วนของการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายและการปรับลดงบดุล

นอกจากนี้เงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่ง อาทิ ตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวลงมากกว่าที่คาด มาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 53 ปี ทั้งนี้ในวันศุกร์ (8 เม.ย.) เงินบาทปิดตลาดที่ 33.59 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 33.46 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (1 เม.ย.)

ด้านข้อมูลระหว่างวันที่ 4-8 เม.ย. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยรวม 1,860.51 ล้านบาท และมีสถานะเป็น NET INFLOW หรือเงินไหลเข้าสุทธิในตลาดพันธบัตร 8,344 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 8,345 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 1 ล้านบาท)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (11-15 เม.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.30-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป สถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย. (เบื้องต้น) และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนและข้อมูลการส่งออกเดือนมี.ค.ของจีนด้วยเช่นกัน