- ตลาดขนมไหว้พระจันทร์ปีนี้หดตัวแรงติดลบ 13.8%
- มูลค่าลดลงเหลือ 800 ล้านบาทจากกำลังซื้อลดลง
- ผลกระทบวิกฤตโควิดและการแข่งขันในธุรกิจที่ลดลง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ตลาดขนมไหว้พระจันทร์ปี 2563 ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 1 ตุลาคม จะมีมูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 15.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากตลาดได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวรุนแรง จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมูลค่าที่ลดลงมาทั้งจากจำนวนผู้เข้าร่วมเทศกาลและจำนวนขนมไหว้พระจันทร์ที่ซื้อเฉลี่ยที่ปรับลดลง
ทั้งนี้จากปกติตลาดขนมไหว้พระจันทร์จะมีการเจริญเติบโตทุกปี แต่ปีนี้นับเป็นปีที่ท้าทายสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทศกาล การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้สร้างผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคภายในประเทศอย่างรุนแรงแลกระทบต่อตลาดขนมไหว้พระจันทร์ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้ซื้อเป็นของฝากญาติมิตรและองค์กร
ขณะที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่แม้ว่าจะยังคงผลิตได้เช่นปีที่ผ่านๆ มาเพื่อรักษาฐานลูกค้าของตนเองภายใต้ช่องทางจำหน่ายที่มี แต่ก็มีการปรับลดกิจกรรมการตลาดลงไม่คึกคักเหมือนปีก่อนๆ
เป็นที่น่าสังเกตว่า ตลาดขนมไหว้พระจันทร์ที่หดตัว ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตแต่ละรายในระดับที่แตกต่างกัน โดยคาดว่าผู้ผลิตกลุ่มที่มีราคาต่อหน่วยสูง ซึ่งจับตลาดกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ทั้งนักท่องเที่ยวและภาคธุรกิจที่ซื้อเป็นของฝากองค์กร เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องมีแผนรับมือ (ยกเว้นกลุ่มที่มีลูกค้าประจำและมีกำลังซื้อสูง) ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตดั้งเดิม และผู้ผลิตเบเกอรี่ที่ทำตลาดมานาน มีกลุ่มลูกค้าประจำ เน้นกลุ่มที่ซื้อไปกินและไหว้ และสินค้ามีราคาไม่สูง น่าจะได้รับผลกระทบในสัดส่วนที่น้อยกว่า
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ผู้ประกอบการขนมไหว้พระจันทร์ที่อยู่ในตลาด หลายรายยังคงสนใจและเข้าร่วมทำกิจกรรมเหมือนเช่นปีก่อนๆ เพื่อสร้างความจดจาและรักษาฐานลูกค้าเดมิ และรอเวลาท่ีตลาดจะกลับมา ฟื้นตัวในช่วงปีต่อๆไปแต่การรับมือกับสภาพตลาดในช่วงนี้ก็อาจไม่ง่ายเนื่องจากต้องเผชิญทั้งความท้าทายจาก การซื้อท่ีหดตัวการแข่งขันท่ีรุนแรงภายใต้ความภักดีต่อตราสินค้าท่ีน้อยจึงขึ้นอย่ที่ธุรกิจจะหากลยุทธ์การพัฒนา สินค้าท่ีมีความแตกต่างและสร้างความจดจำเพื่อให้าอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มผู้ซื้อท่ีมีความหลากหลายมากนี้ได้หรือไม่
