“คลัง” มั่นใจ 6 มาตรการเยียวยาเติมเงิน รับมือโควิดระลอกใหม่ ดันจีดีพีโตเพิ่ม1%

  • ผู้ใช้สิทธิเราชนะ 33.9 ล้านคน รับเงินงวดแรก 21 พ.ค.นี้
  • คนได้สิทธิ์ ม.33 เรารักกัน รับเงินงวดแรก 24 พ.ค.นี้
  • คนละครึ่ง- ยิ่งใช้ยิ่งได้ อดใจรอนิดรอโควิดคลี่คลาย

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)​ ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การทยอยออกมาตรการเยียวยา เติมเงิน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ได้ผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ รวม 6 มาตรการนั้น จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจมากกว่า 400,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีผลต่อการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)​ ประมาณ 1 % จากปัจจุบันที่ได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะมีอัตราการขยายตัวที่ 2.3 % โดยสศค.​จะประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจอีกครั้งในเดือนก.ค.นี้ ขณะเดียวกันต้องรอดูการแถลงตัวเลขจีดีพี ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์)​ ในวันที่ 17 พ.ค. นี้อีกครั้งด้วย

ทั้งนี้ในวันที่ 11 พ.ค.นี้ กระทรวงการคลัง จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการเร่งด่วน 2 มาตรการ คือ โครงการเราชนะ และม.33 เรารักกัน โดยเป็นมาตรการเติมเงินให้คนละ 2,000 บาท แบ่งเป็น 2 งวด เมื่อครม.อนุมัติ กระทรวงการคลัง จะโอนเงินให้ผู้รับสิทธิเราชนะ 32.9 ล้านคน งวดแรก 1,000 บาท วันที่ 21 พ.ค. นี้ และงวดที่2 อีก 1,000 บาท วันที่ 28 พ.ค. นี้ ขณะที่กระทรวงแรงงานจะโอนเงินให้ผู้ได้รับสิทธิม.33 เรารักกัน รวม 9.27 ล้านคน งวดแรก 1,000 บาท วันที่ 24 พ.ค. และงวดสองอีก 1,000 บาท วันที่ 31 พ.ค.นี้ โดยผู้ที่ได้รับสิทธิ์เราชนะ และม.33 เรารักกัน สามารถใชจ่ายได้ไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 64

น.ส.กุลยา กล่าวต่อว่า ส่วนอีก 6 มาตรการที่เหลือ คือ โครงการคนละครึ่ง ที่จะเติมเงินให้ผู้รับสิทธิเดิม 31 ล้านคน จะเปิดให้มีการลงทะเบียนใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการอีก 16 ล้านคน โดยกระทรวงการคลังจะโอนเงินให้ 3,000 บาท แต่แบ่งเป็น 2 ช่วงๆละ 1,500 บาท ขณะนี้ต้องรอดูสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดให้คลี่คลายลงก่อน เพื่อให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิจับจ่ายใช้สอยด้วยความปลอดภัยห่างไกลโควิด ซึ่งตามแผนการดำเนินการแล้ว จะให้เม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจตั้งแต่เดือนก.ค.-ธ.ค. 2564 ดังนั้นจึงมีเวลาพิจารณาและเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนได้ ส่วนระยะเวลาที่ชัดเจนในการลงทะเบียน ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดวันเวลาที่ชัดเจน แต่เชื่อว่าไม่เกินเดือนมิ.ย.นี้แน่นอน

ส่วนโครงการยิ่งใช้ ยิ่งได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอ ครม. โดยหลักการเบื้องต้นจะเปิดให้ผู้สนใจลงทะเบียนผ่าน www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com ก่อน จากนั้นจะต้องเติมเงินของตัวเองเข้าแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง เพื่อใช้จ่ายซื้อสินค้ากับร้านที่เข้าร่วมโครงการ ยกเว้น สุรา ลอตเตอรี่ บุหรี่ หรือผลิตภัณฑ์เกี่ยวข้องอบายมุข โดยทุกการใช้จ่ายจะได้รับเงิน อี-วอยเชอร์คืนกลับเข้าแอปฯเป๋าตัง 10-15% สูงสุดไม่เกินคนละ 7,000 บาท โดยกำหนดช่วงการใช้จ่าย 1-40,000 บาทแรก ได้รับวงเงินคืนเข้าแอปเป๋าตัง 10% หรือไม่เกิน 4,000 บาท แต่ถ้าใช้จ่ายตั้งแต่ 40,001-60,000 บาทจะได้รับเงินคืนเพิ่มเป็น 15% หรือเพิ่มได้อีก 3,000 บาท รวมวงเงินที่ได้รับคืน 7,000 บาท

“กระทรวงการคลัง ต้องรอสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดคลี่คลายก่อน เพราะหากเติมเงินให้ใช้สิทธิคนละครึ่ง คนก็จะออกจากบ้านมาใช้สิทธิ์กัน ขณะที่รัฐบาล ขอความร่วมมือให้อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ ดังนั้นอดใจรออีกนิด”

ทั้งนี้กระทรวงการคลังคาดว่าโครงการยิ่งใช้ ยิ่งได้ จะมีคนที่มีรายได้สูง ออกมาจับจ่ายใช้ และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจราว 268,000 ล้านบาท

ส่วนโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.65 ล้านคน และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ หรือกลุ่มไร้สมาร์ทโฟน 2.5 ล้านคน ซึ่งกระทรวงการคลัง จะโอนเงินให้เดือนละ 200 บาทเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งผู้ได้รับสิทธิสามารถนำเงินไปใช้จ่ายได้ในเดือนก.ค.-ธ.ค.2564