คนไทยเฮ!”หมอหนู”เคาะงบบัตรทอง 2 แสนล้านแถมสิทธิ์รักษาพยาบาลเพียบ

  • “อนุทิน” เผย สปสช.เคาะงบบัตรทอง 2 แสนล้าน
  • เพิ่มขึ้น 1.2 หมื่นล้าน แถมสิทธิ์รักษาพยาบาลเพิ่มเติมเพียบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (6 มกราคม 2563) ช่วงเย็น ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหารเข้าร่วมประชุมขอความเห็นชอบร่างข้อเสนองบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2564 ตามข้อเสนอคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุน สปสช.

ทั้งนี้ภายหลังการประชุม นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอ ภาพรวมของงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (กองทุนบัตรทอง) ปี 2564 ที่บอร์ด สปสช.เห็นชอบในวันนี้ อยู่ที่จำนวน 202,704.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12,388.06 ล้านบาท หรือ 6.5 % งบค่าบริการเหมาจ่ายรายหัวจำนวน 183,574.24 ล้านบาท ดูแลประชากร 47.6 ล้านคน หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ย 3,853.04 บาทต่อประชากรผู้มีสิทธิ์ เพิ่มขึ้น 253.04 บาท

ส่วนงบค่าบริการนอกงบเหมาจ่ายรายหัว เสนอจำนวน 19,129.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,823.84 ล้านบาท เพื่อบริหารจัดการใน 6 กลุ่มบริการ ได้แก่ ค่าบริการสาธารณสุขผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์, ค่าบริการสาธารณสุขผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง, ค่าบริการสาธารณสุขเพื่อควบคุมป้องกันความรุนแรงของโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคเบาหวาน ความดัน และจิตเวชเรื้อรังในชุมชน, ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับหน่วยบริการในพื้นที่กันดาร พื้นที่เสี่ยงภัย และพื้นที่ชายแดนใต้, ค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้มีภาวะพึ่งพิง และค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับบริการะดับปฐมภูมิที่มีแพทย์ประจำครอบครัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจัยที่ทำให้งบประมาณกองทุนบัตรทองปี 2564 เพิ่มขึ้นจากปี 2563 มีปัจจัยจากภาวะเงินเฟ้อทั้งในส่วนของเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทน ยาและเวชภัณฑ์ ค่าสาธารณูปโภคและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น การปรับบริการให้ชัดเจน และการพัฒนาระบบเพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการ

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2564 กองทุนบัตรทองมีสิ่งใหม่เพิ่มเติม ดังนี้

  1. คัดกรองโรคดาวน์ซินโดรม (Down’s syndrome) ในหญิงตั้งครรภ์
  2. ตรวจคัดกรองตรวจภาวะฟีนิลคีโตนูเรีย (Phenylketonuria: PKU) ในทารกแรกเกิด
  3. คัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ให้กับประชากรทุกสิทธิ
  4. สนับสนุนติดตามพัฒนาการเด็กไทยโดยเพิ่มสมุดติดตามประเมินพัฒนาการเด็ก
  5. แว่นตาสำหรับเด็กที่ได้รับการคัดกรองแล้วพบว่ามีปัญหาสายตา
  6. ฉีดวัคซีนรวม หัด คางทูม และหัดเยอรมัน (MMR) ในเด็กอายุ 1.5 ปี
  7. นำร่องบริการยาป้องกันติดเชื้อเอชไอวี (PrEP) และเพิ่มการรณรงค์การใช้ถุงยางอนามัยในการป้องกันเอดส์

เพิ่มการเข้าถึงการรักษาพยาบาล ได้แก่

  1. เพิ่มบริการทันตกรรมที่คลินิกทันตกรรมเอกชน ได้แก่ ขูดหินปูน อุดฟันและถอนฟัน
  2. บริการฉุกเฉินนอกเวลาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตามนโยบายห้องฉุกเฉินคุณภาพ
  3. เพิ่มบริการดูแลผู้ป่วยต่อเนื่องหลังจากพ้นระยะฉุกเฉินในโรคหลอดเลือดสมอง, บาดเจ็บทางสมองและบาดเจ็บไขสันหลัง
  4. บริการกรณีโรคหายาก จัดระบบให้มีการส่งต่อผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว
  5. บริการฝังเข็มสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
  6. บริการล้างไตทางหน้าท้องด้วยเครื่องล้างไตอัตโนมัติ (automate)
  7. บริการเชิงรุกดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้าในชุมชน
  8. บริการฟื้นฟูสุขภาพที่ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพคนพิการ