ข้าวหอมมะลิไทย กลับมาทวงแชมป์ข้าวดีที่สุดของโลกในปีนี้

  • เบียดข้าวหอมเวียดนามตกไปที่ 2 ส่วนข้าวหอมกัมพูชามาอันดับ 3
  • “จุรินทร์” ย้ำเร่งพัฒนาสายพันธุ์ข้าวใหม่ให้หลากหลายตอบสนองตลาด
  • ส่งข้าวออกปีนี้อย่างเก่งทำได้แค่ 5.8 ล้านตัน ปีหน้าคาด 7-7.5 ล้านตัน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปีนี้ ข้าวหอมมะลิไทย 105 ได้รับรางวัลข้าวที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Rice Award 2020) จากการประกวดข้าว ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีภายในงานประชุมข้าวโลก (World Rice Conference) จัดโดย The Rice Trader ของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 1-3 ธ.ค.63 ซึ่งปีนี้จัดงานแบบออนไลน์เป็นครั้งแรก ถือว่าไทยกลับมาทวงแชมป์ได้อีกครั้ง และเป็นแชมป์ครั้งที่ 6 จากที่จัดมาทั้งหมด 12 ครั้งนับตั้งแต่ปี 52 ส่วนเวียดนามได้อันดับ 2 และกัมพูชาได้อันดับ 3 

  อย่างไรก็ตาม ภายใต้ยุทธศาสตร์ข้าวไทยระยะ 5 ปี คือปี 63-67 จะมุ่งพัฒนาพันธุ์ข้าวชนิดใหม่ๆ รวม 12 สายพันธุ์เพื่อรองรับความต้องการของตลาดให้มากขึ้น แบ่งเป็น ข้าวพื้นแข็ง 4 สายพันธุ์ ข้าวพื้นนุ่น 4 สายพันธุ์ ข้าวหอมมะลิไทย 2 สายพันธุ์ และข้าวคุณค่าทางโภชนาการสูงอีก 2 สายพันธุ์ มั่นใจว่า นับจากนี้ ไทยจะมีพันธุ์ข้าวที่หลากหลายตอบสนองความต้องการของตลาดได้อีกมาก 

ด้านนายเจริญ เหล่าธรรทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ปีนี้ มี 5 ประเทศส่งตัวอย่างข้าวเข้าประกวดได้แก่ ไทย เวียดนาม กัมพูชา จีน และสหรัฐฯ มีตัวอย่างข้าวประมาณ 20 ตัวอย่าง ซึ่งไทยส่งไปเพียง 1 ตัวอย่าง คือข้าวหอมมะลิ 105 โดยมีข้าวที่เข้ารอบสุดท้ายจาก 3 ประเทศ คือ ไทย เวียดนาม และกัมพูชา จากนั้นคัดเหลือ 2 ประเทศคือ ไทย และเวียดนาม และสุดท้ายไทยเป็นผู้ชนะ แสดงให้เห็นว่าข้าวไทยไม่เป็นรองใครในโลก เพราะแข่งมาทั้งหมด 12 ครั้ง ชนะเลิศถึง 6 ครั้ง  

“ต้องการให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวให้หลากหลายมากขึ้น และลดกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาพันธุ์ข้าว ไม่เช่นนั้น ไทยอาจไม่สามารถรักษาข้าวที่ดีที่สุดในโลกไว้ได้ เพราะคู่แข่งอย่างเวียดนาม กัมพูชา พัฒนาสายพันธุ์ข้าวได้อย่างรวดเร็ว และหลากหลาย” 

ส่วนนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า เกณฑ์การตัดสิน มี 2 อย่างคือ ก่อนหุง จะดูรูปลักษณ์ของเมล็ดข้าวสาร มีความสวยงาม มีความสะอาดเพียงใดไหน จากนั้นจะดูข้าวหลังจากหุงแล้ว โดยให้เชฟทดลองชิม แต่ไม่ระบุว่าเป็นข้าวจากประเทศไหน แล้วมาให้คะแนนรวมกัน ซึ่งข้าวไทยชนะทั้งเกณฑ์ก่อนหุง และหุงแล้ว เนื่องจากปีนี้ข้าวหอมมะลิไทยที่ส่งเข้าประกวด มีคุณภาพดี จากสภาพดิน ฟ้า อากาศเอื้ออำนวย ก่อนเก็บมีอากาศหนาว ทำให้ข้าวเปลือกแห้ง เมล็ดใส และหอมมากกว่าปกติ ส่วนการส่งออกข้าวในปีนี้ คาดว่าจะได้ประมาณ5.6-5.8 ล้านตันเท่านั้น จากเดิมที่คาดประมาณ 6.5 ล้านตัน และปีหน้า คาดจะได้ 7-7.5 ล้านตัน 

สำหรับผลการประกวดข้าวที่ดีที่สุดในโลกในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา เริ่มจากครั้งแรกปี 52 ข้าวหอมมะลิไทย เป็นข้าวที่ดีที่สุดในโลก ปี 53 ไทย ปี 54 เมียนมา ปี 55 ข้าวหอมกัมพูชา ปี 56 ข้าวหอมกัมพูชาชนะร่วมกับสหรัฐฯ ปี 57 ข้าวหอมมะลิไทยชนะร่วมกับข้าวหอมกัมพูชา ปี 58 สหรัฐฯ ปี 59 ข้าวหอมมะลิไทย ปี 60 ข้าวหอมมะลิไทย ปี 61 ข้าวหอมกัมพูชา และปี 62 ข้าวหอมเวียดนาม   

ขณะที่นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า การส่งออกข้าวไทยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-2ธ.ค.63 ซึ่งเป็นสถิติกรมศุลกากรและใบอนุญาตส่งออก พบว่า ไทยส่งออกได้ 5.1 ล้านตัน มูลค่า 108,918 ล้านบาท ปริมาณลงลง28%  ส่วนมูลค่าลดลง 11% โดยข้าวหอมมะลิของไทยยังคงครองตลาดส่งออกหลัก คือ สหรัฐฯ แคนาดา ฮ่องกง และสิงคโปร์ ไว้ได้ แม้การส่งออกข้าวไปตลาดอื่นจะซบเซาลง เพราะเศรษฐกิจโลกซบเซา และโควิด – 19 ประกอบกับ ข้าวไทยราคาสูงเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง แม้จะต่างกับเวียดนามไม่มาก แต่ราคาสูงกว่าข้าวอินเดียกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯ ทำให้ศักยภาพในการแข่งขันของไทยลดลง