นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. เมื่อวานนี้(25 ม.ค.) ว่า หลังจากนี้กระทรวงสาธารณสุขจะแถลงรายละเอียด ซึ่งที่ประชุม ป.ป.ส.ได้พูดคุยกัน เห็นว่ามีความเกี่ยวข้องเล็กน้อย แต่เรื่องหลักจะอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุข ดังนั้น ร่างแรกที่เขียนจากกระทรวงสาธารณสุขและส่งให้ ป.ป.ส. โดย ป.ป.ส.มองว่า บางประเด็นไม่สอดคล้องกับอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ไทยเป็นสมาชิก อยู่ 3 ฉบับ คือ อนุสัญญา ปีค.ศ. 1961 , ค.ศ.1971 และค.ศ.1988 ซึ่งอนุสัญญา 3 ฉบับนี้ จริงจังกับกฎหมายยาเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท โดยระบุชัดเจน ว่า ประเทศสมาชิกจะสนับสนุนส่งเสริมให้มีการใช้กัญชา โดยไม่ผิดกฎหมายไม่ได้ ยกเว้น เพื่อประโยชน์ได้วิทยาศาสตร์และการแพทย์ ซึ่งเป็นช่องทางในการแก้ แต่ปัญหาที่กระทรวงสาธารณสุขส่งมามีบางส่วนตีความ ได้ว่า แม้จะเพื่อประโยชน์เพื่อการแพทย์และสาธารณสุข แต่อาจตรวจสอบและควบคุมได้ยาก เช่น หากมีไม่เกินร้อยละ 0.002 ให้มีได้ แต่หากมีคนนั่งเสพกัญชาแล้วยืนยันว่า ตนเองเสพไม่เกินร้อยละ 0.002 เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้เครื่องมือใดในการตรวจสอบ ซึ่งไม่เหมือนกับการตรวจยาบ้า ที่ตรวจปัสสาวะก็ชัดว่าเสพหรือไม่ แต่การตรวจกัญชา ต้องส่งจากห้องแลป หากตำรวจจับแล้วนำไปตรวจพบว่าต่ำกว่าค่ามาตรฐาน ตำรวจอาจจะโดนฟ้องตามาตรา 157 ได้ ซึ่งทำให้ตำรวจไม่กล้าจับ
อย่างไรก็ตามทางกระทรวงสาธารณสุขจึงจะเสนอกฎหมายว่าด้วยกัญชง กัญชา โดยมีกติกาละเอียด ดังนั้นระหว่างนี้ จึงขอให้มีออกประกาศไปพลางก่อน แต่เป็นประกาศที่เกี่ยวกับฝิ่น และเห็ดขี้ควาย ซึ่งอยู่ในกฎหมายฉบับเดียวกัน ทั้ง 2 ประเภทนี้จะมีผลทันที ใครครอบครองไม่ได้จะผิดกฎหมาย ส่วนสารสกัดจากกัญชา และ กัญชงให้รอจนกระทั่งกฎหมายออกก่อน โดยพรรคภูมิใจไทย เตรียมเสนอเข้าที่ประชุมสภา ใน 1-2 วันนี้ หากเป็นเช่นนี้ จะพออธิบายกับสหประชาชาติได้
“ ในระหว่างที่กฎหมายยังไม่ออกมาบังคับใช้ ต้องระวัง ไม่ใช่เรื่องเสรีที่ใครจะปลูกก็ได้ เชื่อว่า ภายใน 120 วัน น่าจะเสร็จสมบูรณ์ แต่สามารถขยายเวลาได้หากไม่เสร็จ โดยระหว่างนี้ ขอย้ำกับประชาชนว่า อย่าปลูก หรือเสพกัญชาอย่างผิดเงื่อนไข โดยเฉพาะเพื่อการพาณิชย์ หรือการเสพเพื่อการนันทนาการ ควรรอพรบ.ให้มีข้อยุติก่อนถึงจะปลูกและเสพได้ มิเช่นนั้นจะถือว่ามีความผิดและถูกจับกุม ตามกฎหมาย”นายวิษณุ กล่าว
