“ก้าวไกล” จัดชุดใหญ่ ซัด!กองทัพ ยกประเด็นทำพลทหารสื่อสารเสียชีวิต เหน็บฝึกไปก็แค่สู้กับหญ้า ฆ่ากับมด รับใช้นาย

  • จี้ “ลุงตู่” รับรองร่างกฎหมายยกเลิกเกณฑ์ทหาร
  • หลังใส่โหลดองมานาน หลังยื่นร่างๆไปตั้งแต่ 14 พ.ย.62
  • ชี้ถือเป็นการทำตัวเองเปื้อนเลือดจากการไม่เซ็นต์ร่างนี้เข้าสู่สภา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 ก.ย.) นายรังสิมันต์ โรม พร้อมด้วยนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล และส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ร่วมกันแถลงข่าวกรณีการเสียชีวิตของพลทหารเสรี บุตรวงค์ ในสังกัดค่ายสื่อสารทหาร เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยจากการวินิจฉัยของแพทย์ระบุว่า การทำงานของหัวใจล้มเหลว ทั้งนี้นายรังสิมันต กล่าวว่า เพื่อนของนายเสรียืนยันว่า พลทหารเสรีร่างกายแข็งแรง ไม่สูบบุหรี่ และไม่ดื่มสุรา ไม่ว่าสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิตในครั้งนี้เกิดด้วยสาเหตุอะไร ทางเราพรรคก้าวไกล ขอแสดงความเสียใจ ต่อครอบครัวบุตรวงค์ และแม้จะมีการขอโทษจากทางกองทัพ พร้อมรับเงินเยียวแล้ว แต่ก็ยังเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง 

“วันนี้พรรคเราขอใช้โอกาสนี้ ตั้งคำถามว่าการเสียชีวิตครั้งนี้เกิดจากความบกพร่องของกองทัพ ในการสกรีนคน หรือคัดเลือกคนที่มีสุขภาพดี มีความสามารถ และศักยภาพ ที่พร้อมเข้ารับการเกณฑ์ทหารหรือไม่ อีกทั้งเป็นการแสดงว่ากองทัพ ไม่มีความสามารถที่จะดูแลกำลังคนอย่างทั่วถึง ให้ได้รับความปลอดภัย และไม่มีใครที่จะต้องเสียชีวิตใช่หรือไม่ ที่ผ่านมาในแต่ละปีมีการเกณฑ์ทหาร และหลายคนที่ถูกเกณฑ์ก็มีจำนวนมากพอสมควร หลายคนไม่ได้ฝึกทหารอย่างจริงจัง กลายเป็นว่าต้องไปสู้กับหญ้า ฆ่ากับมด ทำงานรับใช้ครอบครัวนายพันและนายพล ซึ่งเป็นปัญหาที่สะสมในกองทัพ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ต้องยกเลิกการเกณฑ์ทหาร” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า สำหรับพรรคก้าวไกลนั้น เรายืนยันมาตั้งแต่อยู่พรรคอนาคตใหม่ ว่าประเทศไทยมีความพร้อมว่าจะต้องยกเลิกการเกณฑ์ทหาร พรรคเชื่อว่าการเกณฑ์ทหารนำมาซึ่งความสูญเสีย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ครอบครัวที่ต้องนำบุตรเข้ามาเกณฑ์ทหาร แทนที่จะต้องทำมาหากิน สภาพเช่นนี้มาซึ่งการแตกสลายของหลายครอบครัว ด้วยเหตุผลเช่นนี้พรรคก้าวไกลจึงต้องยื่นร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยรับราชการทหาร ซึ่งจะเป็นร่างที่จะไปแก้ไข พ.ร.บ. ก่อนหน้านี้ ซึ่งยื่นตั้งแต่ 14 พ.ย.2562 ผ่านมาวันนี้ ยังไม่ได้รับความคืบหน้า ซึ่งร่างนี้อยู่ในมือของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม 

โดยในวันนี้เรารอมาเป็นเวลาหลายเดือนและผ่านไปหลายศพ ก็ยังไม่เห็นการพิจารณาที่จะให้คำรับรองของพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร คือก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นผมเห็นว่า ในขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ ดองร่างดังกล่าว ท่านกำลังทำให้ตัวของท่านเปื้อนเลือดจากการไม่เซ็นต์ร่างนี้เข้าสู่การพิจารณาของสภาต่อไป

ด้านนายวิโรจน์ กล่าวว่า คำถามคือเราจำเป็นต้องใช้ทหารเกณฑ์กว่าแสนรายหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าไทยมีการประกาศสงครามครั้งล่าสุดเมื่อปี 2483 กรณีข้อพิพาทอินโดจีน ดังนั้นการใช้กำลังพลเข้าห้ำหั่นกัน ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 60 ปีก่อน ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าปัจจุบันกับ 60 ปี มิติความมั่นคงของประเทศเปลี่ยนไปหมดแล้ว แต่รัฐบาล และกองทัพไทย ยังยึดติดว่าต้องเอากำลังจำนวนมาก เพื่อแสดงแสงยานุภาพ ซึ่งตนเห็นกำลังพลถูกใช้ไปกับ 3 วัตถุ ประสงค์ อันประกอบด้วย 1.เอาไปรับใช้นายพัน-นายพล 2.เอาไปทำร้ายกันเอง เราจะเห็นว่านายทหารยศใหญ่กว่าก็ใช้การซ่อมทำทารุณกรรม ทั้งนี้ พล.อ.อภิรักษ์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. เคยให้สัมภาษณ์ว่า ทหารเปรียบเหมือนน้องเล็ก แต่น้องเล็กคนนี้ถูกรังแกมาโดยตลอด ไม่มีใครปกป้อง และ 3.ใช้ในการคุกคามทำร้ายประชาชน ถ้าลองจินตนาการ เราควรเห็นรถถังไปใช้ที่ไหน ซึ่งเราควรใช้ในการปกป้องประเทศ แต่เมื่อปี 2553 ใน กทม.มีกำลังพล ใช้กระสูนเป็นแสนนัด และปฏิบัติการณ์ สไนเปอร์

“เรายืนยันว่าด้วยบริบทความมั่นคง ที่เปลี่ยนแปลงไป ทหารเกณฑ์ที่มีมากจนเกินไป ไม่ได้ตอบโจทย์ ความมั่นคงมิติใหม่เลย เพียงแต่เป็นการสปอยให้เหล่านายพลอิ่มเอมกับวัฒนธรรมเดิมๆ ที่ดูแคลนประชาชนเป็นไพร่ วันนี้ตนยืนยันว่าต้องยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และเปิดให้ประชาชนที่พร้อมอยากเป็นทหาร ใช้วิธีสมัครใจในจำนวนที่พอดี โดยที่รัฐบาลสามารถดูแลสวัสดิภาพ สร้างสวัสดิการ และเส้นทางอาชีพ นี้จึงจะเรียกว่าการได้ทหารที่มีคุณภาพ เป็นทหารบนระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นพระประมุข พร้อมปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน” นายวิโรจน์ กล่าว