กำลังซื้อหด-โควิดระบาด ทำรายได้ “โฮมโปร” ลดลง โชว์ปี 63 ทำได้ 6 หมื่นกว่าล้านบาท

  • เผยยังดี มีแรงหนุนจากยอดขายออนไลน์ที่เพิ่มสูงขึ้น
  • ชี้แต่ยังไม่สามารถชดเชยผลกระทบ ด้านผลประกอบการของสาขาที่ปิดไป
  • ชูกลยุทธ์มุ่งพัฒนาการดำเนินงาน ควบคู่การควบคุมค่าใช้จ่าย

นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ประจำปี 2563 ว่า รายได้และกำไรสุทธิจำนวน 61,748.99 ล้านบาทและ 5,154.70 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 8.35% และ 16.54% ตามลำดับ ซึ่งผลการดำเนินงานที่ลดลงของธุรกิจโฮมโปร เมกา โฮม และโฮมโปร ที่ประเทศมาเลเซียเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีปัจจัยหลักมาจากการปิดสาขาในช่วงไตรมาสที่ 2 และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง แม้ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตขึ้น แต่ยังไม่สามารถชดเชยผลกระทบด้านผลประกอบการของสาขาที่ปิดไปได้ อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มีกลยุทธ์เพื่อมุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงานควบคู่กับการควบคุมค่าใช้จ่ายให้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ มีรายได้ลดลง ซึ่งประกอบไปด้วย รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า ซึ่งเป็นรายได้ที่ประกอบไปด้วยรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 58,346.77 ล้านบาท ลดลง 4,699.46 ล้านบาท หรือ 7.45% ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายสาขาเดิมที่ลดลงของธุรกิจโฮมโปร เมกาโฮม และ โฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีสาเหตุหลักมาจากการปิดสาขาชั่วคราวในประเทศไทยและมาเลเซีย รายได้ค่าเช่า จำนวน 1,527.16 ล้านบาท ลดลง 679.92 ล้านบาท หรือ 30.81% เป็นผลมาจากการปิดร้านค้าเช่าที่อยู่ในพื้นที่สาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ และการลดค่าเช่าในพื้นที่สาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ รวมถึงการยกเลิกการจัดกิจกรรม HomePro Expo ในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 

นอกจากนี้บริษัทฯ มีรายได้อื่น จำนวน 1,875.06 ล้านบาท ลดลง 245.35 ล้านบาท หรือ 11.57% โดยเป็นผลมาจากการลดลงของการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าในสาขา การยกเลิกการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในงานHomePro Expo ในไตรมาสที่ 1 ปี 2563  ซึ่งบริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าและการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 14,748.51 ล้านบาท ลดลง 1,472.80 ล้านบาท หรือ 9.08% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายลดลงจาก 25.73% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 25.28%

นายคุณวุฒิ กล่าวว่า โฮมโปร มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 10,964.70 ล้านบาท ลดลง 980.16 ล้านบาทหรือ 8.21% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายมีการปรับลดลงเล็กน้อยจาก 18.95% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 18.79% สาเหตุหลักมาจากการยกเลิกการจัดกิจกรรม HomePro Expo รวมถึงการลดลงของค่าใช้จ่ายผันแปรและค่าใช้จ่ายคงที่

สำหรับในปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดสาขาใหม่ 2 สาขาที่ รังสิตคลอง 4 และสุขสวัสดิ์ โดยทั้ง 2 สาขาอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ และยังมีกำลังซื้อ โดย ณ สิ้นปี 2563 บริษัทฯ จำนวนสาขาคือ โฮมโปร 86 สาขา โฮมโปรเอส 9 สาขา เมกาโฮม 14 สาขา และโฮมโปรในประเทศมาเลเซียอีก 6 สาขา

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้มีการแสวงหาโอกาสต่างๆ ในธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการเข้าลงทุนในบริษัท Home Product Center Vietnam Company Limited เพื่อดำเนินธุรกิจค้าปลีกในประเทศเวียดนาม อีกด้วย

นายคุณวุฒิ กล่าวต่อว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ซึ่งเกิดจากสถานการณ์ ไวรัสโคโรนา 2019  โฮมโปร ได้ให้ความร่วมมือและดำเนินการสอดคล้องกับมาตรการและคำสั่งของหน่วยงานรัฐอย่างเต็มที่ โดยมีการปิดบางสาขาชั่วคราวในส่วนของโฮมโปรและเมกาโฮม ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. 2563 ถึง 16 พ.ค. 2563 และกลับมาเปิดครบทุกสาขาในวันที่ 17 พ.ค. 2563 ตามมาตรการผ่อนคลายการล็อกดาวน์ของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แต่ยังคงจำกัดเวลาทำการ

ทั้งนี้ภาพรวมในปีนี้บริษัทฯ สามารถรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงจากการเกิดชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ที่ยังมีความต้องการจับจ่ายใช้สอย และรับมือกับสถานการณ์ โควิด-19 ได้อย่างทันท่วงที ผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งได้มีการเตรียมพร้อมและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงระบบขนส่งสินค้าและบริการภายในวันที่มีการสั่งซื้อ (Same Day Delivery) ยกระดับความรวดเร็วในการจัดส่ง โดยลูกค้าสามารถเลือกรับสินค้าที่สาขา (Click and collect) ได้เช่นกัน

“ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความสะดวกยิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้าท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ทางบริษัทฯได้เปิดให้บริการ Shop4U ที่เสมือนมีผู้ช่วยในการเลือกซื้อสินค้าและบริการในช่วงที่ลูกค้าไม่สามารถออกมาซื้อที่สาขาได้ โดยนอกเหนือจากเว็บไซต์ของบริษัทฯ ทางบริษัทฯได้มีช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าและบริการผ่านแอปพลิเคชั่น HomePro Application และ Home Service Application เพื่อตอบโจทย์ความต้องการบริการที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมบ้านและที่อยู่อาศัย” นายคุณวุฒิ กล่าว