กองทุนหุ้นยั่งยืนมีลุ้น!คลอดใช้แทนกองทุนLTF

  • “อุตตม”รับข้อเสนอตลาดทุนฯ แต่ขอหารือสศค.ก่อน
  • เพิ่มเพดานลงทุนถึง 30%ลดรายได้สูงสุดเหลือ250,000 บาทต่อปี
  • เอื้อคนรายได้น้อย-ปานกลาง ลงทุนมากขึ้นลดความเหลื่อมล้ำ

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยหลังเข้าพบนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการทรวงการคลัง ว่า ได้เสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาการตั้งกองทุนใหม่ ได้แก่ กองทุนหุ้นยั่งยืน(SEF) ขึ้นมาแทนที่กองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LFT) ที่จะหมดสิทธิประโยชน์ทางภาษีสิ้นปีนี้

“ขณะนี้รมว.คลังเห็นด้วยในหลักการแล้ว แต่ขอหารือรายละเอียดกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ก่อนเพราะเพิ่งเคยพูดคุยกันครั้งแรก อย่างไรก็ตามหากสามารถสรุปได้ว่าจะดำเนินการ ก็สามารถประกาศได้ต้นปีหน้า และให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่ในวันที่ 1 ม.ค.2563”

ทั้งนี้กองทุนหุ้นยั่งยืนจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีถึง 7 ปี โดยกองทุนหุ้นยั่งยืนนี้จะตอบโจทย์เรื่องประเทศไทยที่เข้าสู่สังคมสูงวัย ซึ่งตลาดทุนฯ ต้องการที่จะให้ประชาชนมีเงินออมมากขึ้น โดยจะสร้างวินัยการลงทุนของคนไทย ตั้งแต่วัยทำงาน เพราะปัจจุบันคนยังออมเงินน้อย ซึ่งจะเป็นปัญหาได้ถ้าเกษียณอายุ

นอกจากนี้กองทุนใหม่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เพราะทำให้คนที่รายได้สูงจะได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีลดลงครึ่งหนึ่ง จากเดิม LTF กำหนดรายได้สูงสุด 500,000 บาทต่อปี แต่กองทุนใหม่จะลดเหลือ 250,000 บาทต่อปี

โดยคนที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางจะได้รับประโยชน์มากขึ้น เพราะเดิมถูกกำหนดเพดานการลงทุนแค่ 15% ของรายได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี เช่น มีเงิน 1 ล้านบาท ลงทุนได้ 150,000 บาท หรือ รายได้ 500,000 บาท ลงทุนได้ 75,000 บาท เป็นต้น แต่เงื่อนไขใหม่จะเพิ่มเป็น 30% ของรายได้ สูงสุดไม่เกิน 250,000 บาทต่อปี

สำหรับประเภทของการลงทุนในกองทุนดังกล่าว คือ หุ้นที่ลงทุนได้จะไม่อิสระเหมือนเดิม แต่จะกำหนดให้ลงทุนได้ในหุ้นที่ยั่งยืน และหุ้นกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะสนับสนุนการลงทุนของรัฐบาล เช่นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ ฟันด์ (TFFIF) เป็นต้น

นอกจากนี้ยังได้เสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาผลักดันกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ที่เน้นสร้างให้คนไทยมีเงินใช้หลังเกษียณ โดยในแง่การบริหารเงินกองทุนนั้น ตลาดทุนเห็นควรให้สิทธิ์ในการจ้างบริหารกองทุนตามความต้องการของผู้ลงทุน จากเดิมภาครัฐต้องการให้มีการตั้งบริษัทกลางขึ้นมาบริหาร

“ตลาดทุนพร้อมจะเป็นหน่วยงานที่จะทำหน้าที่สนับสนุนงานของรัฐบาล เรียกว่า นักลงทุนสัมพันธ์ ซึ่งบริษัทใหญ่ๆ มีอยู่แล้ว แต่รัฐบาลไม่มี เพื่อจะได้ช่วยเผยแพร่สิ่งที่รัฐบาลทำต่อนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศทั่วโลก”