กรุงไทยเลื่อนแผนเคทีบีลีสซิ่ง หลังธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์แข่งเดือด

  • แบงก์กรุงไทยเลื่อนแผนปัดฝุ่นเคทีบีลีสซิ่ง
  • หลังธุรกิจลีสซิ่งรถยนต์แข่งดุเดือด
  • ด้านแบงก์ชาติจ่อคุมสินเชื่ออนาคตกลับมาปล่อยกู้บนแพลตฟอร์มดิจิทัล

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการบริหารจัดการ บริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด หรือเคทีบีลีสซิ่ง ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ในเครือธนาคารว่า ธนาคารยังเดินตามแผนการเดิม ตั้งเป้าหมายผลักดันให้ธุรกิจสามารถกลับมาสร้างผลกำไรในอนาคต หลังจากธุรกิจดังกล่าวต้องหยุดชะงักลง และได้หยุดปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรายใหม่

“แผนผลักดันให้เคทีบีลีสซิ่งกลับมาทำธุรกิจยังคงมีอยู่ แต่ไม่ได้เร่งรีบต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ต่างๆโดยรอบอย่างรอบครอบ”

ทั้งนี้การชะลอการกลับมาทำธุรกิจของเคทีบีลีสซิ่ง จากเดิมตั้งเป้าไว้ไตรมาส 2 ปีนี้ เนื่องจากมีปัจจัยลบหลายอย่าง และไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสมที่กลับมาทำตลาด อาทิเช่น ธุรกิจลีสซิ่งรถยนต์มีการแข่งขันดุเดือด ประกอบกับตอนนี้ธนาคารกรุงไทยเหมือนเป็นผู้เล่นใหม่ และหากเข้ามาทำธุรกิจลีสซิ่ง ภายใต้ธุรกิจที่ไม่มีรากฐานที่ใหญ่พอ อาจทำให้ธุรกิจเกิดความเสียหายหายได้ และการส่งสัญญาณการคุมสินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ถือเป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้ธนาคารจำต้องชะลอแผนธุรกิจลีสซิ่งออกไป

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของลูกค้ากรุงไทยธุรกิจลีสซิ่งที่ยังอยู่เดิม ก็ยังคงได้รับการดูแลอย่างดีเหมือนเดิม เพียงแต่ยังไม่มีการเปิดรับลูกค้าใหม่ขณะนี้เท่านั้น สำหรับพอร์ตสินเชื่อเดิมของกรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง ปัจจุบันมียอดคงค้างอยู่ประมาณ 11,000 ล้านบาท

นายผยง กล่าวอีกว่า ในอนาคตหากจะกลับมาดำเนินธุรกิจลีสซิ่งอีกครั้ง อาจกลับมาในแพลตฟอร์มของดิจิทัลมากขึ้น เพราะธุรกิจการเงินอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านค่อนข้างมาก ดังนั้น การดำเนินธุรกิจก็ควรนำความสามารรถจากระบบไอทีมาใช้ เพราะการกลับมาเติบโตในธุรกิจแบบเดิม ธนาคารคงไม่สามารถสู้กับธนาคารอื่นหรือนอนแบงก์อื่นๆได้ ดังนั้นก็ต้องเตรียมพร้อมด้านดิจิทัลของธนาคารในการรองรับด้วย

สำหรับธุรกิจรถแลกเงิน ธนาคารคงไม่ทำเนื่องจาก เป็นธุรกิจทับซ้อน ที่ทางบริษัทลูก คือ บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือเคทีซี มีแผนการดำเนินธุรกิจด้านนี้อยู่แล้ว ทั้งนี้ ธนาคารยึดหลักว่า อะไรที่เป็นการดำเนินธุรกิจซับซ้อน ตามยุทธ์ศาสตร์แล้วธนาคารจะไม่ทำซับซ้อนกัน แต่ธนาคารจะทำหน้าที่ในการสนับสนุนบริษัทลูกค้าแทนเพื่อให้เกิดความแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต