กรมอนามัย ห่วง เด็กเล็กเสี่ยงป่วยหวัดใหญ่ช่วงหน้าหนาว

  • แนะสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย แยกเด็กป่วย
  • พ่อแม่ดูแลสุขภาพเด็กเป็นพิเศษ 
  • เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ในช่วงหน้าหนาว ผู้ปกครองควรดูแลเด็กเล็กเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งสามารถติดต่อกันได้ง่ายจากการหายใจเอาเชื้อไวรัสในฝอยละอองน้ำมูก น้ำลาย ที่ฟุ้งกระจายในอากาศจากการไอ จามรดกัน หรือติดต่อทางอ้อมโดยเชื้อไวรัสติดมากับมือ ผ้าเช็ดหน้า หรือแก้วน้ำที่ปนเปื้อนน้ำมูก น้ำลาย เสมหะของผู้ป่วย ซึ่งเด็กที่ป่วยจะเริ่มมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ   ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ไอ ควรนอนพักผ่อนให้มาก ดื่มน้ำบ่อย ๆ ถ้าตัวร้อนมากควรใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวหรือกินยา ลดไข้ตามแพทย์สั่ง อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น ภายใน 2 – 7 วัน แต่หากมีอาการไอมากขึ้น หรือมีไข้สูงนานเกิน 2 วัน ควรไปพบแพทย์ทันที นอกจากนี้โรคไข้หวัดใหญ่ยังเป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ มีโรคแทรกซ้อนที่พบบ่อย คือ ปอดบวม และหลอดลมอักเสบ ซึ่งอาจมีอาการรุนแรงถึงชีวิตได้

“ทั้งนี้ สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยเป็นสถานที่ที่เด็กอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก อาจเป็นจุดเสี่ยงทำให้เชื้อโรคสามารถแพร่กระจายและติดต่อระหว่างกันได้ง่าย จึงต้องมีการคัดกรองเด็กป่วย หากพบว่าเด็กมีอาการตัวร้อน ง่วงซึม มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส ต้องแจ้งผู้ปกครองให้มารับกลับบ้าน และหยุดพักรักษาตัวที่บ้านอย่างน้อย   2 – 3 วัน หรือจนกว่าจะหายปกติ โดยในช่วง 2 – 3 วันแรกที่เด็กกลับมาที่สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ไม่ควรให้คลุกคลีกับเด็กอื่น ๆ ควรจัดให้อยู่ในห้องแยก กรณีไม่มีห้องแยกใช้ผ้าม่านหรือฉากกั้นเป็นสัดส่วน โดยแยกห่างจากเด็กอื่นอย่างน้อย 1 เมตร แยกของเล่น และของใช้ต่าง ๆ จากเด็กอื่น เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อและง่ายต่อการทำความสะอาด สอนให้เด็กทุกคนล้างมือด้วยสบู่บ่อย ๆ ปิดปากปิดจมูก เวลาไอ จามทุกครั้ง หรือสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ นอกจากนี้ควรทำความสะอาดพื้น ผนัง อุปกรณ์ของใช้ เบาะนอน เครื่องเล่น ของเล่น เป็นประจำทุกวัน โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดทั่วไปที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน จัดสภาพแวดล้อมให้แสงแดดเข้าถึง และอากาศถ่ายเทได้สะดวก”