กรมศุลกากรใช้ “บล็อกเชน” ส่องสินค้านำเข้าทางเรือล่วงหน้าก่อนถึงไทย

  • นำร่องใช้ระบบท่าเรือแหลมฉบังที่แรก 
  • คาดช่วยประเมินสินค้าเสี่ยงผิดกฎหมายได้
  • สรุปผล 3 เดือนก่อนขยายนำไปใช้ท่าเรืออื่น

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2563 กรมฯได้นำระบบเทคโนโลยีบล็อกเชน(Blockchain) ของบริษัทด้านเทคโนโลยีระดับโลก คือ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย (IBM) ที่สายเดินเรือเอกชนต่างประเทศใช้จัดการระบบขนส่งสินค้าทางเรือ เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบสินค้าที่นำเข้า-ส่งออกสินค้าทางเรือให้ดียิ่งขึ้น โดยระบบนี้จะทำให้กรมสามารถติดตามสินค้าได้ต้นทางล่วงหน้าแบบเรียลไทม์ก่อนสินค้าจะมาถึงที่ไทย  

“กรมได้เริ่มนำร่องระบบบล็อกเชนแล้วที่ท่าเรือแหลมฉบัง ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา และจะมีการประเมินผลการใช้งานบนระบบบล็อกเชนในช่วง 3 เดือนหลังจากนี้ว่าทำให้การตรวจปล่อยสินค้าที่ท่าเรือเร็วขึ้นเท่าใด ลดขั้นตอนการทำงานของกรมมากน้อยเพียงใด ก่อนจะขยายผลนำระบบบล็อกเชนไปกับท่าเรืออื่นๆ ในประเทศ เช่น ท่าเรือกรุงเทพ เป็นต้น”

กฤษฎา จีนะวิจารณะ

ทั้งนี้เดิมข้อมูลสินค้าที่จัดส่งมาทางเรือ จะถูกส่งให้กับกรมก่อนสินค้าจะถึงท่าเรือที่ประเทศไทยก่อน 24 ชั่วโมง ซึ่งอาจจะทำให้ขั้นตอนการตรวจปล่อยสินค้าจากท่าเรือล่าช้า แต่ถ้าใช้ระบบบล็อกเชนเข้ามาช่วยจะทำให้กรมสามารถตรวจสอบสินค้าล่วงหน้า รวมถึงตรวจสอบสินค้าที่อาจสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย เช่น อาวุธ ยาเสพติด วัตถุและสารพิษ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น เพื่อนำมาประเมินความเสี่ยงของสินค้าเพื่อกักไว้ตรวจสอบเมื่อสินค้าถึงท่าเรือที่ไทย

“ปัจจุบันระบบบล็อกเชนของ IBM มีสายเดินเรือเอกชนทั่วโลกกว่า 70% ที่ใช้ระบบนี้ในการจัดการระบบขนส่งสินค้าทางเรือ ทำให้เมื่อกรมเข้าร่วมจะสามารถดูข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ของสายเดินเรือที่ขนส่งสินค้ามาไทยได้ตั้งแต่ต้นทางที่สินค้าถูกส่งออกมาจากท่าเรือ  ซึ่งถ้าเป็นสินค้าที่ไม่ผิดกฎหมาย เมื่อมาถึงไทยกรมก็สามารถปล่อยออกจากท่าเรือได้เลย”