กขค.จับตาใกล้ชิดธุรกิจแพลตฟอร์มค้าออนไลน์

.หลัง “เจดี เซ็นทรัล” สู้ต่อไม่ไหวโบกมือลาไทย
.เหลือเจ้าตลาดแค่ 2 ราย “ลาซาด้า-ช้อปปี้”
.สุดมึน! ผลประกอบการพบรายได้สูงแต่ขาดทุนยับ

นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ กรรมการการแข่งขันทางการค้า และโฆษกคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เปิดเผยถึงกรณี เจดี เซ็นทรัล แพลตฟอร์มชอปปิ้งออนไลน์ เตรียมยุติการบริการในไทย ตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค.66 ซึ่งจะทำให้เหลือแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์รายใหญ่ในไทยเพียง 2 ราย คือ ลาซาด้า และช้อปปี้ ว่า เรื่องนี้ กขค. คงไม่เข้าไปตรวจสอบ เหมือนการรวมกิจการระหว่างโลตัส กับแม็คโคร เนื่องจากกรณีของเจดี เป็นการเลิกกิจการเอง ทำให้เหลือผู้ประกอบการในตลาดไม่กี่ราย ไม่ได้เป็นการถูกซื้อ หรือควบรวมจากผู้ประกอบการรายเดียวกัน จนอาจทำให้มีอำนาจเหนือตลาด


อย่างไรก็ตาม กรณีหากเหลือผู้ประกอบการน้อยราย กขค.มีอำนาจหน้าที่ในการติดตาม หรือรับฟังการร้องเรียนปัญหาอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่ามีการดำเนินธุรกิจที่เป็นธรรม และมีผลกระทบต่อตลาดหรือผู้บริโภคหรือไม่ โดยมี 2 ประเด็นใหญ่ ที่จะพิจารณา คือ ผู้ประกอบธุรกิจที่เหลือ ดำเนินธุรกิจเข้าข่ายการฮั้ว หรือร่วมกันกำหนดแนวทางการทำธุรกิจหรือไม่ รวมถึงพิจารณาการประกอบธุรกิจที่เป็นธรรม หรือเอาเปรียบผู้บริโภค หรือผู้ประกอบการรายอื่นหรือไม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจดี เซ็นทรัลในไทย เริ่มเปิดตัวครั้งแรกในไทยตั้งแต่ปี 61 โดยเป็นการร่วมทุนระหว่าง กลุ่มเจดีจากจีน และกลุ่มเซ็นทรัลของไทย ตลอดเวลาที่ดำเนินธุรกิจ มีผลประกอบการขาดทุนมาต่อเนื่องทุกปี โดยข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่าปี 61 มีรายได้ 458 ล้านบาท ขาดทุน 944 ล้านบาท, ปี 62 รายได้ 1,284 ล้านบาท ขาดทุน 1,342 ล้านบาท, ปี 63 รายได้ 3,491 ล้านบาท ขาดทุน 1,375 ล้านบาท และปี 64 รายได้ 7,443 ล้านบาท ขาดทุน 1,930 ล้านบาท


ส่วนผลดำเนินงานของช้อปปี้ แม้จะมีรายได้เติบโตขึ้น แต่ยังไม่ทำกำไร โดยปี 61 รายได้รวม 165 ล้านบาท ขาดทุน 4,113 ล้านบาท, ปี 62 รายได้รวม 1,986 ล้านบาท ขาดทุน 4,745 ล้านบาท, ปี 63 รายได้ รวม 5,812 ล้านบาท ขาดทุน 4,170 ล้านบาท และปี 64 รายได้รวม 13,322 ล้านบาท ขาดทุน 4,972 ล้านาท ขณะที่ลาซาด้า เริ่มมีกำไรแล้ว โดยปี 61 รายได้รวม 8,162 ล้านบาท ขาดทุน 2,645 ล้านบาท, ปี 62 รายได้รวม 9,413 ล้านบาท ขาดทุน 3,707 ล้านบาท, ปี 63 รายได้รวม 10,011 ล้านบาท ขาดทุน 3,988 ล้านบาท และปี 64 รายได้รวม 14,675 ล้านบาท กำไร 226 ล้านบาท