

- หลังส่วนใหญ่กินอาหารไขมัน น้ำตาล
- และโซเดียมสูง
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า วันที่ 4 มีนาคม เป็นวันโรคอ้วนโลก (World Obesity Day) กรมอนามัยขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันสร้างสิ่งแวดล้อมให้เด็กไทยปลอดภัยจากการตลาดอาหารและเครื่องดื่มหวานมันเค็มเกิน ลดเสี่ยงโรคอ้วน โดยข้อมูลการเฝ้าระวังภาวะเริ่มอ้วนและอ้วนในเด็กของกระทรวงสาธารณสุข (Health Data Center) วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 พบว่า
เด็กอายุ 0-5 ปี มีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วนร้อยละ 9.13
เด็กวัยเรียน 6-14 ปี มีภาวะ เริ่มอ้วนและอ้วนร้อยละ 13.4
และเด็กวัยรุ่น 15-18 ปี มีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วนร้อยละ 13.2 ติด 1 ใน 3 ของอาเซียน
จากการสำรวจพฤติกรรมการบริโภคอาหารและเครื่องดื่ม ในเด็กพบว่า เด็กประมาณ 1 ใน 3 คน ดื่มนมรสหวานทุกวัน กินขนมกรุบกรอบ ทุกวัน และดื่มน้ำอัดลมทุกวัน และ 1 ใน 5 คนดื่มน้ำหวาน น้ำผลไม้ทุกวัน
ส่วนการเลือกซื้อของเด็กไทย ปี 2563 พบว่า ส่วนใหญ่ซื้ออาหารตามความชอบร้อยละ 27.7 มีเพียงร้อยละ 8.1% ที่คำนึงถึงคุณค่าทางอาหาร คาดการณ์ภายในปี 2573 ประชากรอายุต่ำกว่า 20 ปีจะมีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนสูงขึ้นอีกเกือบร้อยละ 50
สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการกินอาหารที่มีปริมาณไขมัน น้ำตาล และโซเดียมสูง เช่น น้ำอัดลม น้ำหวาน อาหารทอด มัน อาหารจานด่วน ขนมขบเคี้ยว เบเกอรี่ และขนมหวานต่างๆ รวมทั้งเด็กมีภาวะตัดสินใจเลือกซื้ออาหารน้อย ประกอบกับกลยุทธ์การตลาด ลด แลก แจก แถม ฯลฯ ทำให้การกินอาหารและเครื่องดื่มหวาน มัน เค็ม กลายเป็นเรื่องปกติ อาจส่งผลไปยังสุขภาพในอนาคตของเด็กไทย ดังนั้น พ่อแม่ ผู้ปกครอง และโรงเรียนที่อยู่ใกล้ชิดเด็กมากที่สุดจึงควรสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพเด็กในการเลือกซื้ออาหารและส่งเสริมโภชนาการที่ดีให้ครบ 5 หมู่ ปริมาณที่เหมาะสม เลือกเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน ขนมหวานไม่ควรเกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์
ส่วนการออกกำลังกายก็สำคัญ ทำให้เด็กได้พัฒนาร่างกาย กล้ามเนื้อ กระดูก ข้อต่อต่างๆ และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็ก ไม่เจ็บป่วยง่าย ออกกำลังกายง่ายๆ เช่น แอโรบิก วิ่ง ปั่นจักรยาน กระโดดตบ กระโดดเชือก ซิตอัพ ดันพื้น ยืดเหยียด กล้ามเนื้อ อย่างน้อย 60 นาทีทุกวัน สะสมต่อเนื่อง 10 นาทีขึ้นไป แต่ต้องอยู่ในความดูแลของผู้ใหญ่เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ หรือออกกำลังกายร่วมกันกับพ่อแม่
การนอน ยิ่งสำคัญ เด็กอายุ 6-13 ปีควรนอนหลับสนิทวันละ 9-11 ชั่วโมง สำหรับเด็กอายุ 14-17 ปี วันละ 8-10 ชั่วโมง ช่วยพัฒนาสมรรถภาพของหัวใจ สมอง การเจริญเติบโต ให้สมวัย สูงสมส่วน และแข็งแรงอีกด้วย