เคาะมาตราเข้ม “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” ลดอุบัติเหตุเทศกาลปีใหม่ 64



  • ห้ามขายอายุต่ำกว่า 20 ปี ไม่ลดแลกแจกแถม และห้ามโฆษณา
  • ตั้งด่านชุมชนให้ อสม. คัดกรองสกัดคนเมาในชุมชน
  • ส่วนจัดงานรื่นเริงปีใหม่ทำได้ แต่ต้องมีมาตรการป้องกันโควิด-19

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2563 ได้พิจารณาเห็นชอบแนวทางการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 โดยเน้นรณรงค์ “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” เข้มงวดใน 3 มาตรการ คือ ห้ามขายให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ห้ามขายลักษณะการลด แลก แจก แถม ชิงโชค และห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แสดงชื่อหรือเครื่องหมายที่เป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ดื่ม โดยจะมีการตั้งด่านชุมชน ให้ อสม.ประเมิน และคัดกรองคนเมาเบื้องต้นเพื่อสกัดกั้นผู้ดื่มในชุมชนไม่ให้ขับขี่พาหนะ หากเกิดอุบัติเหตุจะมีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่ทุกราย หากเป็นเด็กและเยาวชนดื่มแล้วขับ จะเอาผิดถึงผู้ขายด้วย และนำไปสู่การคุมประพฤติและบำบัดรักษาตามที่ศาลสั่ง

ทั้งนี้ ยืนยันว่าช่วงปีใหม่จัดงานรื่นเริงได้ แต่ต้องขออนุญาตและเสนอแผนมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณา หากมีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องมีใบอนุญาตขายจากกรมสรรพสามิตการจัดงานต้องปฏิบัติตามมาตรการที่เสนอ ทั้งการคัดกรองวัดไข้ และคนเมาไม่ให้เข้าร่วมงานการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง และลงทะเบียนไทยชนะ หากพบว่าไม่ดำเนินการตามมาตรการจะสั่งระงับการจัดงาน ส่วนนักดื่มต้องระวังโรคโควิด 19 เนื่องจากความมึนเมาอาจทำให้หยิบแก้วปะปนกันหรือสัมผัสละอองฝอยจากการพูดคุยตะโกนใส่กัน

นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการด้านควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับชาติ ระยะที่ 2 พ.ศ. 2564 – 2570 โดยมีเป้าหมายป้องกันและควบคุมปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ประกอบ 7 กลยุทธ์ คือ1.ควบคุมและจำกัดการเข้าถึง 2.ควบคุมพฤติกรรมการขับขี่หลังการดื่ม 3.คัดกรองและบำบัดรักษาผู้มีปัญหาจากสุรา4.ควบคุมการโฆษณาส่งเสริมการขาย และการให้ทุนอุปถัมภ์  5.ขึ้นราคาผ่านระบบภาษี 6.สร้างค่านิยมเพื่อลดการดื่มเพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ของสินค้าแอลกอฮอล์ เป็นสินค้าเสพติด ทำลายสุขภาพทำร้ายสังคม และ7.พัฒนากลไกการขับเคลื่อนนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกระดับ และการบริหารจัดการที่ดี โดยแต่ละกลยุทธ์จะมีโครงการและกิจกรรมรับรอง เพื่อพัฒนาพื้นที่ให้มีความเข้มแข็ง สามารถจัดการปัญหาแอลกอฮอล์และขยายผลได้