“อนุพงษ์”​ ย้ำทุกภาคส่วนบูรณาการช่วยเหลือเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน



  • เดินหน้าขจัดความยากจน
  • พัฒนาคนทุกช่วงวัย
  • ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างยั่งยืน

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลได้เข้ามาบริหารประเทศผ่านกลไกกระทรวง กรม ส่วนราชการต่าง ๆ ที่มีหน่วยงานรับผิดชอบชีวิตคน ทำเรื่องสาธารณสุข เกษตร พัฒนาคุณภาพชีวิต โดยได้ตั้งงบประมาณปกติเป็นประจำทุกปี แต่ก็ยังพบว่ามีผู้ทุกข์ยากลำบากอยู่ รัฐบาลจึงได้ดำเนินการสำรวจและรวบรวมข้อมูลผ่านระบบ TPMAP ซึ่งได้แยกมิติความยากจนเดือดร้อนเป็น 5 มิติ คือ รายได้ ที่อยู่อาศัย สุขภาพ การศึกษา และการรับบริการจากภาครัฐ และตั้งคณะทำงานลงมาดูและมาหารือกันว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรด้วยวิธีการแบบพุ่งเป้า คือ ทุกหน่วยงานพุ่งเป้าหมายเดียวกันในการแก้ปัญหาตามมิติอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานร่วมกับครัวเรือนเป้าหมาย

“เรามุ่งหวังว่าถ้าทำแบบนี้ คนที่ทุกข์ยากที่ช่วยตัวเองไม่ได้จะได้รับการพัฒนาจากภาครัฐที่ดีขึ้น เกิดการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างยั่งยืน ซึ่งในเรื่องที่อยู่อาศัยก็เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนใหญ่จะเป็นพร้อมกันกับการป่วย ส่งผลให้ทำมาหากินไม่ได้ สุขภาพทรุดโทรม เราจึงต้องมาดูเรื่องสุขภาพและที่อยู่อาศัย ด้วยการบูรณาการทุกภาคส่วน เช่น ถ้าจะสร้างบ้านให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งไม่มีกฎหมายให้รัฐทำได้ ถึงทำได้ในกรณีภัยพิบัติก็ได้รับเงินเยียวยาเพียง 30,000 บาท ตามกฎหมาย ดังนั้น การที่เราจะดูแลพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนลักษณะนี้ จึงต้องรวบรวมระดมสรรพกำลังดูแลเขา ดังกรณีบ้านของนางจาง ทองเด็จ ในวันนี้ ซึ่งมีความทุกข์ด้านสุขภาพ และมีเหล่ากาชาด มี อสม. มีจิตอาสาช่วยกันดูแล และรัฐก็บูรณาการเข้ามาช่วยดูแล มาประสาน มาบูรณาการทุกภาคส่วน แสดงให้เห็นว่า กลไกรัฐทุกด้านเราพร้อมหมด เมื่อเรารู้ปัญหา เราก็ดึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาทำ มาแก้ไข คาดว่าจะสามารถเดินหน้าขับเคลื่อนไปพร้อมกันทั้งประเทศในเดือนเมษายน 65 นี้ ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเจอปัญหาความยากลำบากอะไร หรือพบเห็นเพื่อนบ้านในชุมชนมีความเดือดร้อนและไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยตนเองได้ ขอให้แจ้งท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านนายอำเภอ รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นคนรับใช้ประชาชนในพื้นที่”