องค์การเภสัชฯแจ้งความ “หมอบุญ-อ.ลอย” ข้อหาหมิ่นประมาท ปมวัคซีนโมเดอร์นา



  • กล่าวหามุ่งแสวงหาผลกำไร
  • ชี้ก่อความเข้าใจผิดต่อองค์กร

วันที่ 14 กรกฎาคม 2564 จากกรณี นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการนำเข้าวัคซีนทางเลือก “โมเดอร์นา” ของสมาคมโรงพยาบาลเอกชนว่า อาจต้องเสียงภาษีมูลค่าเพิ่ม (vat) 7% ประมาณ 2 รอบ เท่ากับ 14% โดยรอบแรกมาจากองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ซื้อวัคซีนจากบริษัทผู้แทน

ส่วนรอบที่ 2 จากโรงพยาบาลเอกชน ซื้อต่อจาก อภ. อีกครั้ง บวกกับค่าบริหารจัดการที่ อภ.จะคิดอีก 5-10% รวมทั้งหมดแล้วอาจสูงสุดที่ 24% ทำให้ต้นทุนวัคซีนดันขึ้นไปที่ 2,000 กว่าบาท ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด องค์การเภสัชกรรมออกแถลงการณ์เรื่อง แจ้งความเอาผิด “ลอย-หมอบุญ” หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาเป็นเหตุให้องค์การเภสัชกรรมได้รรับความเสียหาย กรณีเผยแพร่ข้อมูลเป็นเท็จการจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นา

แลถงการณ์ดังกล่าว ระบุว่า องค์การเภสัชกรรม ได้มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่กองกฎหมาย องค์การเภสัชกรรม ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อดำเนินการเอาผิดกับ นายลอย ชุนพงษ์ทอง และ นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัทธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในข้อหา “หมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา อันเป็นเหตุให้องค์การเภสัชกรรมได้รับความเสียหาย” เมื่อวันที่ 13 ก.ค.2564

การดำเนินการตามกฎหมายครั้งนี้ สืบเนื่องจากนายลอย และ นพ.บุญ ได้นำข้อมูลซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นา โดยกล่าวหาองค์การเภสัชกรรม ในฐานะผู้แทนภาครัฐ ที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ในการประสานงานจัดซื้อจัดหาวัคซีนโมเดอร์นาให้กับสมาคมโรงพยาบาลเอกชนว่า ดำเนินภารกิจนี้ โดยมุ่งแสวงหาผลกำไรสูงสุดจากประชาชน ซึ่งเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและเกิดความเสียหายต่อองค์การเภสัชกรรม จึงจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย

องค์การเภสัชกรรม ขอยืนยันว่า ได้ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ในการเป็นหน่วยงานภาครัฐที่เป็นตัวแทนจัดซื้อจัดหาวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา เพื่อให้ประชาชนได้มีวัคซีนทางเลือกเพิ่มขึ้น โดยมิได้มุ่งแสวงหาผลกำไร และนับตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 องค์การเภสัชกรรมได้มุ่งมั่น ทุ่มเท ดำเนินการในทุกภารกิจทั้งด้านยา วีคซีน และเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ในการป้องกันต่าง ๆ เพื่อสนับสนุน ระบบสาธารณสุขไทยอย่างเข้มแข็งมาโดยตลอด