

- รอผู้นำประชุมและสรุปผลครั้งสุดท้ายวันเดียวกันก่อน
- ลั่นถ้าลงนามได้ฝ่ายไทย “จุรินทร์” จะเป็นผู้ลงนาม
- คาดมีผลใช้บังคับกลางปี 64 หลังสมาชิกครึ่งหนึ่งในสัตยาบัน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า วันที่ 15 พ.ย.นี้ ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ผู้นำของประเทศสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ได้แก่ อาเซียน 10 ประเทศ และคู่เจรจา คือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรีเลีย และนิวซีแลนด์ จะประชุมกันผ่านระบบการประชุมทางไกล เพื่อพิจารณาสรุปผลประเด็นต่างๆ ที่ยังคงค้างในการเจรจา รวมถึงเตรียมความพร้อมการลงนามความตกลง ที่ตามกำหนด จะมีพิธีลงนาความตกลง ผ่านระบบการประชุมทางไกลในวันเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลการประชุมผู้นำครั้งนี้ก่อน จึงจะทราบว่า สมาชิกจะสามารถลงนามตามกำหนดวันที่ 15 พ.ย.นี้ได้หรือไม่ หากสามารถลงนามได้ ในเบื้องต้น ฝ่ายไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ จะเป็นผู้ลงนาม
ทั้งนี้ ภายหลังจากการลงนามแล้ว สมาชิกแต่ละประเทศจะดำเนินการภายในประเทศ เช่น ขอความเห็นชอบจากรัฐสภา เพื่อให้สัตยาบันก่อนที่ความตกลงจะมีผลใช้บังคับ โดยไทยจะขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) และรัฐสภาก่อนให้สัตบาบัน ส่วนการมีผลบังคับใช้ของความตกลง กำหนดให้สมาชิกอาเซียนครึ่งหนึ่ง และคู่เจรจาอีกครึ่งหนึ่ง ให้สัตยาบัน ความตกลงจึงจะมีผลใช้บังคับกับประเทศที่ให้สัตยาบัน คาดมีผลบังคับใช้ราวกลางปี 64
สำหรับอาร์เซ็ป ถือเป็นความตกลงการค้าเสรีใหญ่สุดในโลก และเป็นตลาดการค้าที่ใหญ่ของไทย โดยข้อมูลล่าสุดในปี 62 สมาชิก 16 ประเทศ (รวมอินเดีย) มีประชากรรวมกันกว่า 3,500 ล้านคน คิดเป็น 48.1% ของประชากรโลก มีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) รวมกันกว่า 28.55 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น 32.7% ของจีดีพีโลก โดยอาร์เซ็ปมีมูลค่าการค้าขายกับโลก 11.23 ล้านล้านเหรียญฯ คิดเป็น 29.5% ของมูลค่าการค้าโลก ส่วนไทย มีมูลค่าการค้ากับอาร์เซ็ป 287,206 ล้านเหรียญฯ คิดเป็น 59.5% ของมูลค่าการค้าของไทยกับโลก
นอกจากนี้ อาร์เซ็ปจะช่วยสร้างแต้มต่อในการค้า การลงทุน สร้างความเชื่อมโยงระหว่างห่วงโซ่การผลิตในภูมิภาคและในโลก ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนในประเทศสมาชิกในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ เช่น ก่อสร้าง ค้าปลีก ธุรกิจด้านสุขภาพ ธุรกิจเกี่ยวกับภาพยนตร์และบันเทิง ประเภทเทคนิคตัดต่อภาพและเสียง การผลิต แอนนิเมชั่น เป็นต้น