สธ.ยันฉีดวัคซีนโควิดฟรีให้คนไทย 70 ล้านโดส ล็อตแรกเข้าไทยปลายเดือนก.พ.นี้



วันที่ 4 มกราคม 2564 นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และรองประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพื่อคนไทย เปิดเผยว่า เมื่อถึงเวลาอันสมควรไทยจะได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไม่ช้าไปกว่าประเทศส่วนใหญ่

ทั้งนี้ มีข้อมูลออกไปทางโลกโซเชียลและหลายฝ่ายมีข้อมูลไม่ครบถ้วน ทำให้ประชาชนสับสนและไม่แน่ใจ สธ.ทำงานเรื่องนี้ตั้งแต่กลางปี 2563 ตั้งแต่ยังไม่ทราบผลว่าวัคซีนของเจ้าใดจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ โดยมีการเตรียมข้อมูล วางเป้าหมาย มีกลไกที่ทำให้ได้วัคซีนมา ซึ่งขณะนี้เป้าหมายยังไม่เปลี่ยน ยังจะฉีดวัคซีนให้คนไทยโดยรัฐ และเป็นการฉีดฟรีไม่น้อยกว่า50 %ของประชากร คิดเป็นวัคซีนเกือบ 70 ล้านโดส

“สิ่งที่เราเตรียมการคือ 1.ต้นทุนในมือ เรื่องการเจรจาของบริษัทแอสทราเซเนกา ที่ใช้เทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ขณะนี้เราทำสัญญา 26 ล้านโดส อยู่ระหว่างการผลิตในประเทศไทย คาดว่าปลายเดือนพ.ค.นี้ น่าจะได้ฉีดให้กับคนไทยได้ เราไม่ได้หยุดแค่นี้ อีก 20% จะมีการเจรจาร่วมกับโคแวกซ์ (COVAX) แต่เป้าหมายมีการปรับเปลี่ยนเนื่องจากมีความยุ่งยาก เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไป และอีก10% ทำข้อตกกับบริษัทที่คิดว่ามีโอกาสผลิตวัคซีนสำเร็จ” นพ.ศุภกิจกล่าว

นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวว่า มีความพยายามเจรจากับหลายฝ่าย ทั้งไฟเซอร์ โมเดอร์นา วัคซีนประเทศจีน และอาจจะขอซื้อเพิ่มเติมจากแอสทราเซเนกาได้ ซึ่งจะเพิ่มให้ถึงเป้า และข่าวดีที่เกิดขึ้น 2-3 วันที่ผ่านมา คือ บริษัทซิโนแวค ไบโอเทค (Sinovac Biotech) จะนำวัคซีน 200, 000 โดส เข้ามาไทยในปลายเดือนก.พ.นี้อย่างแน่นอน ปลายเดือนมี.ค. อีก 800, 000 โดส และปลายเดือนเม.ย. อีก 1 ล้านโดส รวมทั้งหมดเป็น 2 ล้านโดส

“วัคซีนไม่ใช่สินค้าที่จะไปช้อปปิ้ง วันนี้สภาพของตลาดวัคซีนไม่ได้มีอยู่มากมาย ที่สำคัญต้องมีระบบควบคุมคุณภาพและปลอดภัย หากมีคนเอามาขายจากโรงงานไม่ได้มาตรฐาน แล้วมีปัญหา เราคงไม่ซื้อมาฉีดให้คนไทย”

ทั้งนี้ไม่ได้ห้ามบริษัทเอกชนที่นำเข้าวัคซีน แต่ต้องผ่านการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเทศไทยก่อน ซึ่งต้องผ่านการตรวจสอบเรื่องผลการทดลองว่ามีความน่าเชื่อหรือไม่ โรงงานผลิตเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่