“ศักดิ์สยาม” นำทัพ “คมนาคม” ลุยของบปี 65 เบื้องต้นเสนอเม็ดเงินกว่า 6 แสนล้าน สั่งหน่วยงานพิจารณาจัดลำดับความสำคัญ-ความพร้อมของโครงการ



  • พร้อมสนองนโยบายรัฐ-ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี วางเป้าพิจารณาภายใน 2 เดือน ก่อนส่งงานสำนักงบฯ 28 ธ.ค.นี้
  • ทล. จัดเต็มจ่อของบ 3.69 แสนล้าน ครอบคลุมแผนใช้ยางพารา 7.5 หมื่นล้าน
  • ฟาก ทช.ไม่น้อยหน้า เข็นโปรเจ็กต์รวมวงเงินของบ 7 หมื่นล้าน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงการจัดทำคำขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ว่า จากการเสนอแผนขอรับการจัดสรรงบปี 2565 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2563 ที่ผ่านมานั้น เบื้องต้นมีการเสนอของบฯ รวมทุกหน่วยงานวงเงิน 600,000 กว่าล้านบาท โดยเป็นการนำเสนอเบื้องต้น ซึ่งที่ผ่านมาหลังการพิจารณารายละเอียดต่างๆ แล้ว จะมีการปรับลดกรอบวงเงินลงอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้แต่ละหน่วยงานไปพิจารณาจัดลำดับความสำคัญโครงการ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงคมนาคม รวมถึงความต่อเนื่องของโครงการที่ได้ดำเนินการแล้วให้เชื่อมโยงกัน พร้อมทั้งเป็นการกระจายงบประมาณในการพัฒนาโครงการต่างๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม จะมีการหารือเพื่อพิจารณาลงรายละเอียดของแต่ละหน่วยงานภายในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะเสนอรายละเอียดขอรับการจัดสรรงบประมาณปี 2565 ให้สำนักงบประมาณพิจารณาในวันที่ 28 ธ.ค. 2563 ซึ่งเป็นไปตามกรอบปฏิทินที่กำหนดไว้ และยังมีระเวลาในการพิจารณาของกระทรวงคมนาคมประมาณ 2 เดือน

“ได้มีการเน้นย้ำว่า การเสนอเพื่อขอจัดสรรงบประมาณของหน่วยงานต่างๆ ต้องพิจารณาหน่วยงานที่มีความสำคัญ มีความต่อเนื่อง ซึ่งโครงการใดยังไม่พร้อมก็ไม่ต้องเสนอ เพราะมีประสบการณ์ในการของบปี 2564 ที่มีโครงการคาดว่าจะพร้อม แต่ไม่พร้อม สุดท้ายก็ต้องโดนตัดงบไป ทำให้เสียโอกาสในการของบเพื่อนำมาให้ในการดำเนินการพัฒนาที่สำคัญ” นายศักดิ์สยาม กล่าว

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2563 นั้น ส่วนตัวพอใจผลการเบิกจ่ายงบในระดับนึง ซึ่งตามที่ได้ตั้งเป้าหมายการเบิกจ่ายให้ได้ 100% จากข้อมูล ณ 30 ก.ย. 2563 ภาพรวมของกระทรวงคมนาคมสามารถเบิกจ่ายงบประมาณอยู่ที่ประมาณมากกว่า 90% เนื่องจากบางโครงการติดปัญหาเรื่องการร้องเรียน และการยื่นอุทธรณ์ ส่งผลให้โครงการเกิดความล่าช้า ขณะที่การดำเนินการก่อหนี้ผูกพันโครงการต่างๆ อีกประมาณ 33 สัญญานั้น คาดว่ากรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) จะสามารถลงนามในสัญญาได้ภายใน ธ.ค.นี้

ในส่วนของปีงบประมาณ 2564 นั้น ในขณะนี้ได้มีการเดินหน้าขอดำเนินโครงการได้เกือบครบ 100% แล้ว โดยได้กำหนดให้การดำเนินการก่อหนี้ผูกพันและลงนามในสัญญาโครงการต่างๆ ให้ครบอย่างช้าที่สุดภายใน มี.ค. 2564 พร้อมทั้งได้วางปฏิทินงบประมาณให้ดำเนินการเบิกจ่ายครบ 100% ให้แล้วเสร็จภายใน ส.ค. 2564 เพื่อเร่งรัดเดินหน้าโครงการพัฒนาต่างๆ เนื่องจากกระทรวงคมนาคมเป็นกระทรวงที่ต้องลงทุนและสามารถส่งเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้เร็วที่สุด ส่งผลให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย นอกจากนี้ ในส่วนของโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการนั้น ได้เร่งให้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม

ด้านนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2564 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยหารือร่วมกับสำนักงบประมาณเพื่อวางแผนเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกระทรวงคมนาคมในปีงบประมาณ 2564 ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าการเบิกจ่ายงบประมาณของกระทรวงคมนาคม ปี 2564 ให้ได้ 100% ภายใน 31 ส.ค. 2564

นอกจากนี้ สำนักงบประมาณได้ชี้แจงแนวทางการจัดทำคำขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โดย การดำเนินการจัดทำงบประมาณฯ ต้องสอดคล้องกับแผนต่างๆ เช่น ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ โดยอาจทำผังความเชื่อมโยงเพื่อให้เห็นชัดเจนเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น การให้ความสำคัญในการจัดสรรงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การนำข้อสังเกตของกรรมาธิการมาพิจารณาเพื่อหาคำตอบและปรับปรุงให้เหมาะสม การจัดทำคำของบประมาณต้องเป็นไปตามกฎหมาย การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนว่าคำขอฯ ตรงความต้องการของประชาชนหรือไม่ และการจัดลำดับความสำคัญของโครงการ เป็นต้น

ขณะที่นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดี ทล. กล่าวว่า เบื้องต้น ทล.ได้เสนอคำขอรับการจัดสรรงบประมาณปี 2565 ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาวงเงินประมาณ 369,000 ล้านบาท ซึ่งในงบประมาณส่วนนี้ จะรวมโครงการนำยางพารามาใช้ เพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน โดยใช้กำแพงคอนกรีตหุ้มด้วยแผ่นยางธรรมชาติ (Rubber Fender Barrier: RFB) และหลักนำทางยางธรรมชาติ (Rubber Guide Post : RGP)  มูลค่ากว่า 75,000 ล้านบาท ด้วย ดังนั้น ภายในสัปดาห์นี้ ทล.จะเสนอคำขอ พร้อมรายละเอียดการดำเนินการไปหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคม เพื่อให้ได้ข้อสรุปครบภายในเดือนนี้ (พ.ย. 2563) จากนั้นจะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณารายละเอียดร่วมกันอีกครั้ง ก่อนที่กระทรวงคมนาคมจะเสนอขอคำไปยังสำนักงบประมาณไม่เกิน 15 ธ.ค. 2563

ทั้งนี้ การจัดสรรงบประมาณดังกล่าว นายศักดิ์สยาม ได้ให้นโยบายโดยคำนึงถึงแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี การสร้างโครงการใหม่และเก่าจะต้องมีการเชื่อมโยงระบบการขนส่งแบบครบวงจร ทั้งการเชื่อมท่าเรือ ระบบราง และระบบขนส่งต่างๆ เพื่อให้มีการเดินทางแบบสมบูรณ์ และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล นอกจากนั้น ในส่วนของโครงการที่เสนอมาตามคำขอนั้น จะต้องมีรูปแบบก่อสร้างที่ชัดเจน หากเป็นแนวก่อสร้างใหม่จะต้องมีการดำเนินการเวนคืนที่ชัดเจน ในการออก พ.ร.ฎ.เวนคืนพร้อมดำเนินการ ขณะเดียวกัน หากโครงการใดมีความเกี่ยวข้องที่จะต้องขอความเห็นด้านสิ่งแวดล้อม จะต้องดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ให้พร้อม และจะไม่มีการพิจารณาโครงการที่ไม่ชัดเจนอย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้มีปัญหาในขณะที่มีการก่อสร้าง

ด้านนายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดี ทช. กล่าวว่า สำหรับการจัดลำดับความสำคัญโครงการในการดำเนินการในปีงบประมาณ 2565 ในส่วนของ ทช.นั้น ได้เสนอขอรับการจัดสรรงบฯ ต่อกระทรวงคมนาคม วงเงินรวม 70,000 ล้านบาท จากที่งบประมาณในปี 2564 ทช. ได้รับจัดสรรงบที่วงเงิน 49,000 ล้านบาท ซึ่งในงบประมาณส่วนนี้ จะมีทั้งงบโครงการก่อสร้างใหม่ ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ และเป็นงบผูกพัน ทั้งการก่อสร้างสะพาน จ.สงขลา มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท, โครงการสะพานข้ามเกาะลันตา จ.ภูเก็ต มูลค่า 1,600 ล้านบาท และโครงการ RFP-RGB มูลค่ากว่า 4,000-5,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ทช. จะเสนอคำของบไปยังกระทรวงคมนาคมภายในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือร่วมกับปลัดกระทรวงคมนาคม กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงคมนาคม จากนั้นจะสรุปกรอบการดำเนินการและความสำคัญอีกครั้ง ก่อนเสนอนายศักดิ์สยามพิจารณาต่อไป