

- หากเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลและมีการบริหาร
- เตรียมจัดท่องเที่ยวเป็นวาระสำคัญ
- ในการกำหนดการประชุมกับผู้นำต่างประเทศ
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังหารือแนวทางการแก้ปัญหาเรื่องการท่องเที่ยวกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยว่า ได้หารือกันเกี่ยวกับการท่องเที่ยวก่อนและหลังโควิด ซึ่งมีการเปรียบเทียบตัวเลขระหว่างปี 2562 กับปี 2566 ทั้งในเรื่องของการท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย และการบริหารจัดการในระดับจังหวัด ซึ่งตัวเลขการท่องเที่ยวในไทยก่อนและหลังโควิดหายไปมากน้อยแค่ไหนนั้น จากตัวเลขของสหประชาชาติเผยว่าหายไปกว่า 46% ในขณะที่ทั่วโลกหายไป 20% แต่ถ้าเปรียบเทียบว่าเราเอานักท่องเที่ยวจากประเทศจีนออกแล้วเปรียบเทียบกันใหม่ไทยก็ไม่ได้แย่
ดังนั้นก็จะเร่งแก้ไขให้ตัวเลขกลับมาให้ดีที่สุด แต่ก็มีการพูดคุยกันว่าถ้าจะเอาให้เกิดความยั่งยืน จะเป็นแค่เรื่องของจำนวนตัวเลขแค่นั้นหรือเปล่า หรือจะเอาคุณภาพด้วย ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามานั้นไม่สำคัญเท่าการกระจายออก เพราะตัวเลขที่สำคัญไปกระจุกอยู่แค่ 5 จังหวัด เราจึงเห็นตรงกันว่านโยบายเมืองรองที่ผ่านมาอาจจะไม่เพียงพอ คงต้องมีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับโฮมสเตย์ เรื่องของการคมนาคมระหว่างจังหวัด และการวางแผนการเดินทางให้ถูกใจนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้เชิญชวนว่าอยากให้นายกรัฐมนตรีดูแลเรื่องการท่องเที่ยวโดยตรง เพราะหากนโยบายการท่องเที่ยวดีแค่ไหนแต่มีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม โรคระบาด สังคมสูงวัย หรือเรื่องส่วยอยู่ก็ทำให้การท่องเที่ยวไม่อาจปฏิบัติได้จริง
ส่วนกรณีที่ทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้เชิญให้ตนเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ตนก็ยินดีตอบรับ ถ้าเป็นคนที่ทั้งบริหารและสื่อสารด้วย หากเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลและมีการบริหารก็คงจะเดินทางไปพบปะกับผู้นำในต่างประเทศ และสหประชาชาติในเดือนกันยายนนี้ คงจะเอาเรื่องของการท่องเที่ยวและเชิญชวนนักท่องเที่ยวของเขาที่เราต้องการให้เขามา เป็นวาระสำคัญในการกำหนดการประชุมกับผู้นำต่างประเทศ หลังจากนั้นก็คงจะพูดถึงนโยบายของ 8 พรรคร่วมที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น แก้ปัญหาในเรื่องการขอใบอนุญาตเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็คงเป็นการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา

ด้านนายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกล่าวว่า การท่องเที่ยวควรเป็นวาระแห่งชาติ และอยากให้ว่าที่นายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธานที่ประชุมดูแลเรื่องการท่องเที่ยว ที่สำคัญคือการบริหารจัดการเรื่องของสนามบินในการไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ จนกลับมาถึงสนามบินอีกครั้ง ควรจัดการอย่างไร้คอขวด และท้ายที่สุดอยากจะขอและขอมาโดยตลอด คืออยากให้ท่านมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ หรือทูตการท่องเที่ยวของประเทศไทย