- ล่าสุดจ่ายชดเชยงวด 1-2 ให้แล้วตั้งแต่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมา
- ส่วนงวด 3 รอเพียงครม.ไฟเขียวเงินงบประมาณก่อน
- ครม.อนุมัติเมื่อไร ธกส.โอนให้ชาวนาที่ขึ้นทะเบียนแล้วทันที
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม รองอธิบดีรักษา ราชการแทนอธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการฯได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง และการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 63/64 งวดที่ 3 โดยมีมติให้จ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 63/64 และระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 16 – 22 พ.ย.63 จำนวน 5 ชนิด คือ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว เพราะทุกชนิดยังมีราคาต่ำกว่าราคาเป้าหมายตามโครงการประกัน
โดยผลการพิจารณาราคาตลาดปัจจุบันกับราคาที่เป้าหมาย พบว่า ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ตันละ 11,940.67 บาท มีส่วนต่างที่ต้องจ่ายให้เกษตรกรตันละ 3,059.33 บาท , ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 11,718.59 บาท มีส่วนต่างตันละ 2,281.41 บาท , ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 8,963.80 บาท มีส่วนต่างตันละ 1,036.20 บาท , ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 9,944.39 บาท มีส่วนต่างตันละ 1,055.61 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 11,003.42 บาท มีส่วนต่างตันละ 996.58 บาท โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะจ่ายเงินให้ในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวในตลาดมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เพราะตลาดมีความต้องการซื้อสูง
“ผู้ปลูกข้าวเปลือกทั้ง 5 ชนิด ที่รัฐประกันราคา และได้ขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไว้แล้ว จะได้รับเงินส่วนต่างจากโครงการประกันรายได้แน่นอน โดยงบประมาณที่ใช้ในโครงการ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติเมื่อวันที่ 3 พ.ย.63 ได้จ่ายเป็นค่าส่วนต่างให้กับเกษตรกรในงวดที่ 1 และ 2 ที่แจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวจนถึงวันที่ 14 พ.ย.63 ซึ่งได้จ่ายไปแล้วตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. ส่วนการจ่ายงวดที่ 3 เป็นต้นไปให้กับเกษตรกรที่แจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.63 เป็นต้นไป ธกส. เตรียมเงินไว้เพียงพอแล้ว ขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ อยู่ระหว่างเสนอขออนุมัติจากครม. เมื่ออนุมัติแล้ว ธกส.จะรีบโอนให้ทันที”
