พาณิชย์ เตือนอย่าหลงเชื่อ “มิจฉาชีพหลอกดูดเงิน”



  • ถ้ามีสายโทร.เข้าอ้างจากพาณิชย์และหน่วยงานในสังกัด
  • รีบโทร.ถามสายด่วนพาณิชย์ 1203 เช็คข้อมูลด่วน
  • ลั่นเดินหน้าแจ้งความเอาผิดแก๊งดูดเงินแล้ว 18 คดี

นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับกระทรวงพาณิชย์ ในการหลอกลวงติดต่อทางโทรศัพท์และ Line โดยแอบอ้างเอกสาร และเว็บไซต์เกี่ยวกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ ในการขอข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอตรวจสอบข้อมูลธุรกิจ เรื่องต่าง ๆ รวมถึงมีการเสนอเงินให้ความช่วยเหลือธุรกิจ โดยให้คลิ๊กลิงค์เข้าไปอัพเดพข้อมูล จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนเป็นจำนวนมากนั้น กระทรวงพาณิชย์ ได้ตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนดังกล่าว ตนจึงได้หารือกับหน่วยงานภายในกระทรวงพาณิชย์ และออกแนวปฏิบัติ 2 ข้อ ดังนี้

1.ทุกครั้งที่ได้รับโทรศัพท์หรือข้อความที่กล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ หรือหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ “ให้สงสัยก่อนว่าเป็นการแอบอ้างจากมิจฉาชีพ” และ “ห้ามทำธุรกรรมใด ๆ อย่างเด็ดขาด” เพราะการขอข้อมูลจากผู้ประกอบการหรือผู้มาติดต่อใดๆ นั้น หน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์จะทำเป็นหนังสือทุกครั้ง และ2.หากสงสัย ให้โทร. “สายด่วน 1203” เพื่อตรวจสอบข้อมูลกับเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์โดยเร็ว

“กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้เสียหายกรณีนี้เช่นกัน เพราะเป็นผู้ถูกแอบอ้าง ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ และหน่วยงานในสังกัด ทั้งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้แจ้งความและดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำผิดแล้ว และได้เตรียมแนวทางป้องกันหากเกิดกรณีดังกล่าวในอนาคต”

สำหรับข้อมูลของเจ้าหน้าที่ หรือผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ที่แก๊งมิจฉาชีพแอบอ้างไปใช้หลอกลวงประชาชน และธุรกิจนั้น เป็นข้อมูลเปิดเผย ที่ปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของกระทรวง หรือของกรมอยู่แล้ว เช่น ชื่อ นามสกุลผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ เบอร์โทรศัพท์ อี-เมล์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และธุรกิจในการติดต่อสื่อสาร ทำให้มิจฉาชีพเอาไปหลอกลวงประชาชนได้ แต่กระทรวงคงไม่ปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ เพราะอาจเป็นอุปสรรคในการติดต่อธุรกิจกับธุรกิจที่ตั้งใจดำเนินธุรกิจจริงๆ

ส่วนรายชื่อบริษัทห้างร้าน ที่มิจฉาชีพติดต่อไปเพื่อหลอกลวงนั้น ก็สามารถค้นหาได้จากเว็บไซต์หน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เพราะเป็นธุรกิจที่แต่ละกรมให้ความช่วยเหลือ ยืนยันว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่กระทรวงขายข้อมูลอีกแน่นอน เพราะกระทรวงให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลมาก ถ้ามีใครขายข้อมูล จะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่า กระทรวงพาณิชย์ไม่มีนโยบายในการทักหาประชาชน หรือผู้ประกอบธุรกิจก่อนเพื่อขอข้อมูลหรือเสนอสนับสนุนเงินช่วยเหลือธุรกิจผ่านทาง Line และโทรศัพท์ จึงขอเตือนภัยประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจให้ใช้ความระมัดระวัง ไม่หลงเชื่อคำเชิญชวนต่าง ๆ และโทร.สอบถามสายด่วน 1203 เพื่อตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นและป้องกันการถูกหลอกในทุกรูปแบบ เท่านั้น โดยจะมีเจ้าหน้าที่รับสายตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น. จากนั้นเป็นระบบฝากข้อความ ซึ่งในช่วงตั้งแต่เดือนพ.ย.65 เป็นต้นมา มีการร้องเรียนเข้ามาแล้วกว่า 50 สาย กระทรวงพาณิชย์ จะตรวจสอบทุกกรณี

ด้านนายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า หลายหน่วยงานของกระทรวง ติดต่อกับภาคเอกชนเป็นประจำอยู่แล้ว จึงมีฐานข้อมูลของเอกชนอยู่ แต่กระทรวงมีมาตรการดำเนินการเพื่อความปลอดภัยทางไซเบอร์อยู่แล้ว เช่น ให้ทุกหน่วยงานระมัดระวังการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล มีชั้นคาวมปลอดภัยของการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ทำสัญญากับหน่วยงานภายนอกที่นำข้อมูลส่วนบุคคลภาคธุรกิจ หรือประชาชนจากกระทรวงไปใช้ เป็นต้น

ส่วนนายธีระศักดิ์ สีนา ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กรมได้แจ้งความดำเนินคดีกับแก๊งมิจฉาชีพที่หลอกหลอกลวงประชาชนไปแล้ว 18 คดี โดยเป็นความผิดฐานการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสร้างความเสียหาย ต่อประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการปลอม หนังสือรับรองนิติบุคคล หรือใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทเพื่อเอามาใช้หลอกประชาชนให้เชื่อว่ามีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจขึ้นจริง จนเหยื่อยอมทำตาม มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ ยังเป็นการปลอมประกาศกรมฯ โดยมีเนื้อหาให้นิติบุคคลยืนยันข้อมูลทางแอปพลิเคชัน MOCของกระทรวงพาณิชย์ และระบบ e-Registration ของกรม มีโทษจำคุก 6 เดือน-5 ปี ปรับ 1,000-10,000 บาท