“บี.กริม” โชว์แกร่งสู้โควิด ทำกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 1,841 ล้านบาท ลั่นผลจากการขยายกำลังการผลิต-ได้ลูกค้าในนิคมฯเพิ่มขึ้น

นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2563 ว่า ยังเติบโตแข็งแกร่ง แม้มีสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัทมีรายได้ 11,243 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,682 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้รายได้ ครึ่งปีแรกของปี 2563 (ม.ค.-มิ.ย.) อยู่ที่ 22,466 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,841 ล้านบาท

ทั้งนี้สำหรับรายได้ที่เพิ่มขึ้น มีปัจจัยสำคัญจากการเติบโตของกำลังการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องสู่ 3,019 เมกะวัตต์ ณกลางปี 2563 โดยตั้งแต่ต้นปีที่แล้วเป็นต้นมา บริษัทได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้า 4 โครงการ และการเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้า 2 โครงการ คือ โครงการ บี.กริม เพาเวอร์ (เอไออี-เอ็มทีพี) (ชื่อเดิม เอสพีพี 1) และโครงการโรงไฟฟ้าอ่างทอง เพาเวอร์ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มขึ้นของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 25 เมกะวัตต์ ในปีก่อนหน้า และอีก 15 เมกะวัตต์ ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ รวมถึงมีการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง

นางปรียนาถ กล่าวว่า ส่วนแนวโน้มในครึ่งปีหลังนี้ นอกจากการทยอยเชื่อมเข้าระบบของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่แล้ว ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมรายเดิมเริ่มส่งสัญญานฟื้นตัว โดยในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 17% จากปริมาณการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยต่อเดือนในช่วงไตรมาส 2/2563 นอกจากนี้ แนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติยังเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมของเรา โดยเดือน ก.ค. ราคาลดลง 8% จากค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักไตรมาส 2/2563 เป็น 241 บาท/ล้าน BTU ซึ่งมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีตามประมาณการของ ปตท.

นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าในการก่อสร้างโครงการ โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Ray Power ในประเทศกัมพูชา ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 39 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟาพลังงานลมบ่อทอง วินฟาร์ม 1 และ 2 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 16 เมกะวัตต์ มีกำหนดการ COD ในช่วงไตรมาส 4/2563 ถึงไตรมาส 1/2564 มั่นใจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ ที่จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาการซื้อไฟฟ้าที่ 5,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2565

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ยังได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.15 บาทต่อหุ้น โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้รับปันผล (Record Date) คือ วันที่ 31 ส.ค.นี้ และกําหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลวันที่ 11 ก.ย. 2563