ดีเดย์!14 มกรา เซ็นสัญญาจ้าง “ดร. สัญลักข์”นั่งแท่น เอ็มดี บขส.คนใหม่



  • เข้าบริหารงานลุยไฟเต็มตัว เจอโจทย์ยากแก้ขาดทุนบักโกรกกว่า 500 ล้านบาท
  • เร่งหารายได้เพิ่มแตกไลน์ธุรกิจ ขนส่งพัสดุภัณฑ์เต็มตัว พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
  • ลดรายจ่ายองค์กร อุ้มพนักงานกว่า 3.5 พันคนให้รอดผ่านวิกฤตไปด้วยกัน

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการ บริษัท ขนส่ง จำกัด(บขส.) เปิดเผยว่า จากที่คณะกรรมการสรรหาบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส.คนใหม่ ที่มีนายวิทยา ยาม่วง ประธานคณะกรรมการสรรหา มีมติเสนอ รองศาตราจารย์ ดร.สัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต เป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมให้ดำรงตำแหน่ง และ บอร์ด บขส.ได้มีมติตามที่คณะกรรมการสรรหาเสนอมานั้น ขณะนี้ได้มีกระบวนการผ่านการพิจารณาตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว ล่าสุดในวันที่ 14 ม.ค.นี้ทาง บขส.จะมีการเซ็นสัญญาว่าจ้าง รองศาตราจารย์ ดร.สัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการใหญ่ บขส.อย่างเป็นทางการ และภายหลังจากเซ็นสัญญา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. คนใหม่ ก็จะเริ่มทำงานทันที

ทั้งนี้ยอมรับว่า ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส.คนใหม่นั้น ต้องเข้ามาทำงานในช่วงที่ธุรกิจมีความท้าทาย เนื่องจากพฤติกรรมการเดินทางของผู้โดยสารได้เปลี่ยนแปลงไป ขณะที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด ทำให้ปริมาณการเดินทางของผู้โดยสารลดลงอย่างมาก หากมีการเปรียบเทียบการเดินทางตั้งแต่เดือน มี.ค. 63 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมีผู้โดยสารหายไปกว่า 60-70 % โดยพบว่ามีปริมาณผู้โดยสารเดินทางเฉลี่ยที่ 30,000 คน/วัน จากเดิมมีปริมาณเดินทางเฉลี่ยอยู่ที่ 80,000 คน/วัน ส่วนยอดคืนตั๋วการเดินทางก็มีมาต่อเนื่อง

นายสรพงศ์ กล่าวว่า ปัจจุบัน บขส. ประสบปัญหาขาดทุนกว่า 43 ล้านบาท/เดือน หรือ รวมจากที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานขาดทุนรวมกว่า 500 ล้านบาท ดังนั้น บขส.จึงต้องปรับลดรายจ่ายทั้งองค์กร ชะลอการรับพนักงานใหม่ หรือ เปิดโครงการหยุดทำงานโดยไม่รับค่าตอบแทน รวมถึงให้เน้นเพิ่มรายได้ ต่อยอดธุรกิจที่มีอยู่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้บริการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์อย่างเต็มตัว เพิ่มจากเดิมที่ขนส่งผู้โดยสารอย่างเดียว เนื่องจากปัจจุบันได้มีการขนส่งสินค้าพัสดุภัณฑ์ใต้ท้องรถ และ มาเสริมวางบนที่นั่งที่ไม่มีผู้โดยสารพบว่า ทำรายได้ให้ บขส. กว่า 170 ล้านบาท/ปี ซึ่งล่าสุดทาง บขส.ได้เตรียมเสนอมายังกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอ ครม.มีมติอนุมัติในการเปลี่ยนมติ ครม.ให้ บขส. สามารถดำเนินธุรกิจ ขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ได้ จากเดิม มติ ครม.ได้ให้ บขส. ทำธุรกิจขนส่งผู้โดยสารอย่างเดียว

ขณะเดียวกันก็ต้องมีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ บขส. มีอยู่ให้เกิดรายได้มากที่สุด เนื่องจากในปัจจุบัน บขส. จะมีพื้นที่ที่อยู่ในจุดสำคัญที่สามารถพัฒนาให้เกิดมูลค่าได้ เบื้องต้นมี 3 แปลงหลักๆ คือ พื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารสายตะวันออกเฉียงเหนือ (เอกมัย) ,พื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารเก่า บริเวณสามแยกไฟฉาย และพื้นที่สถานีขนส่งบขส.ชลบุรี เก่า ซึ่งต้องมาดูว่าจะมีรูปแบบอย่างไรในการพัฒนาที่จะสร้างรายได้ให้กับ บขส. โดยเป้าหมายการลงทุน บขส.อาจจะไม่ต้องลงทุนเองเต็ม100% แต่เป็นการเข้าร่วมลงทุนมากกว่า นอกจากนั้นจะต้องเข้ามาดำเนินการในเรื่องของการศึกษาบริหารจัดการเพื่อลดต้นทุนการเดินรถ และหากต้องดำเนินการปรับปรุงรถก็ต้องเน้นพลังงานที่ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย