

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ได้สั่งการให้เข้มงวด ควบคุมการนำเข้า และส่งออกสินค้า ที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกร และผู้บริโภคภายในประเทศ
- ลงพื้นที่ด่านตรวจพืชท่าเรือกรุงเทพ
- ติดตามมาตรการเข้มงวด นำเข้าวัตถุอันตรายผ่านด่านตรวจพืช
- สั่งพักใบอนุญาต อายัด และ ตรวจสอบ การสำแดงเท็จ ผู้ลักลอบนำเข้าไกลโฟเซต
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ได้กำชับให้นายตรวจพืชต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามเงื่อนไขการนำเข้า ในคู่มือการปฏิบัติงานของพระราชบัญญัติกักพืชฯ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เต็มความสามารถ โดยเฉพาะสินค้าที่มีผลกระทบต่อผู้บริโภค และที่เป็นวัตถุดิบในโรงงานผลิต เช่น มะพร้าวแก่ปอกเปลือก และ กระเทียม รวมถึง การเฝ้าระวังโรคและศัตรูพืชที่อาจติดมากับสินค้าจนนำมาสู่การแพร่ระบาดของศัตรูพืชต่างถิ่นที่เข้ามาระบาด จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่เกษตรกร สภาพเศรษฐกิจ รวมถึงระบบการผลิตพืชภายในประเทศไทย
“ได้สั่งการให้เข้มงวดในการควบคุมการนำเข้า และส่งออกสินค้า ที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรและผู้บริโภคภายในประเทศ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ผู้บริโภคต้องได้รับความปลอดภัยทางอาหาร เกษตรกรได้ใช้ปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะวัตถุอันตรายทางการเกษตร ในกลุ่มสารกำจัดโรค แมลงศัตรูพืช และสารกำจัดวัชพืช นอกจากนี้ กรมวิชาการเกษตร ได้หารือ กับ หอการค้า ไทย – อิสราเอล และ บริษัท Seetrue ประเทศอิสราเอล ในความเป็นไปได้ที่จะนำเทคโนโลยีระดับสูง (AI) มาใช้ X-Ray ตรวจสอบสินค้าพืช ณ ด่านตรวจพืช

นายระพีภัทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ มีเพจปลอมแอบอ้างใช้ชื่อ “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” เพื่อจำหน่ายสินค้า ในกรณีดังกล่าว อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ได้มอบหมายให้สารวัตรเกษตร ร่วมกับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เข้าดำเนินการตรวจสอบทันที โดยซื้อสินค้าเพื่อส่งห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ว่าเป็น วัตถุอันตรายชนิดที่ 3 หรือไม่ หากพบว่าเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 จะขยายผลการจับกุมและดำเนินคดีต่อไป ซึ่งหากเกษตรกรท่านใดซื้อสินค้ามาแล้ว สามารถประสาน ทางสารวัตรเกษตรไซเบอร์ของกรมวิชาการเกษตร ที่เบอร์ 063-2106252 เพื่อให้ข้อมูลดำเนินการทางกฎหมายต่อไป