ขาช้อปออนไลน์สะดุ้ง! 5 ก.ค.นี้ เก็บ แวต สินค้านำเข้า ต่ำกว่า 1,500 บาท

ภาษีมูลค่าเพิ่มสินค้านำเข้า
เตรียมตัวให้ดี ขาช้อปออนไลน์สะดุ้ง! 5 ก.ค.นี้ เก็บ แวตสินค้านำเข้า ต่ำกว่า 1,500 บาท


นักช้อปสินค้าออนไลน์เตรียมตัวให้ดี!! ตั้งแต่วันที่ 5 ..67 เป็นต้นไป กระทรวงการคลัง จะเริ่มจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ในอัตรา 7% กับ สินค้านำเข้า ที่ซื้อผ่านทางออนไลน์มูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท

หรือเก็บตั้งแต่บาทแรกของมูลค่าสินค้า จากปัจจุบัน ที่ไม่จัดเก็บเลย เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ผลิตสินค้าของไทย ให้สามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าได้อย่างเป็นธรรม!!

กรณีนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร การจัดเก็บจะทำอย่างไร มี และใครจะเป็นผู้เสียภาษีส่วนนี้ ส่วนสินค้าอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือจากนี้ หากมีการนำเข้ามาจำนวนมากจนกระทบผู้ประกอบการไทย หรือมีการ ทุ่มตลาด ขายราคาต่ำ ไทยจะมีแนวทางดำเนินการอย่างไรบ้าง ที่นี่มีคำตอบ

กกร.ห่วงสินค้าราคาถูกทะลักเข้าไทย

ไทม์ไลน์ของการออกมาตรการจัดเก็บแวตครั้งนี้ เริ่มจากการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย เมื่อเดือน ก.พ.67

ที่ประชุม มีความกังวล กรณีสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน เข้ามาทุ่มตลาดในประเทศไทย และในอาเซียน ทั้งจากสินค้าที่ซื้อขายผ่านทางออนไลน์

รวมถึงสินค้าที่นำเข้ามาเพื่อใช้ประโยชน์จากเขตปลอดอากร (Free Trade Zone) ของไทย และสินค้าที่นำเข้าผ่านด่านศุลกากรโดยสำแดงข้อมูลเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี

การนำเข้าสินค้าเหล่านี้ ส่งผลให้สินค้าราคาถูก สินค้าไม่มีมาตรฐาน ทะลักเข้ามาขายในไทยจำนวนมาก จนกระทบต่อยอดขายของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ที่ไม่สามารถแข่งขันด้านต้นทุนได้ แม้ผู้บริโภคได้ประโยชน์จากการซื้อสินค้ราคาถูกก็ตาม

กกร. จึงเสนอให้รัฐพิจารณาทบทวนข้อยกเว้นการจัดเก็บแวตสำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับผู้ประกอบการไทย ที่ต้องเสียภาษีหลายอย่าง

อีกทั้งขอให้ทบทวนการใช้สิทธิประโยชน์ใน Free Trade Zone และออกมาตรการปกป้องผู้ประกอบการในประเทศ เช่น ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (เอดี/ซีวีดี) เข้มงวดตรวจจับสินค้าที่นำเข้าผ่านด่านศุลกากรและสำแดงเท็จเพื่อเลี่ยงภาษี เร่งออกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมให้ครอบคลุม ฯลฯ

จากการเรียกร้องนี้ ทำให้ภาครัฐ ต้องเร่งหามาตรการแก้ปัญหา เพื่อสร้างความเป็นธรรมทางการค้าให้กับผู้ประกอบการไทย โดยกระทรวงการคลัง เป็นผู้ดำเนินการ และนำมาซึ่งการออกมาตรการเก็บแวตกับสินค้านำเข้าที่สั่งซื้อผ่านออนไลน์ ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท ตั้งแต่วันที่ 5 ..นี้ เป็นต้นไป

คลัง ย้ำ ไม่ได้เก็บแวตจากนักช้อป

อย่างไรก็ตาม การเก็บแวตครั้งนี้ นักช้อปออนไลน์ ไม่ต้องตกใจ เพราะกรมศุลกากร ซึ่งจะเป็นหน่วยงานจัดเก็บชั่วคราวจนถึงสิ้นปี 67 เพื่อรอให้กรมสรรพากรแก้กฎหมาย ให้สามารถจัดเก็บแวตส่วนนี้ได้นั้น ไม่ได้จัดเก็บจากขาช้อปโดยตรง แต่จะเก็บจากผู้ประกอบการขนส่งสินค้าเท่านั้น

กรมศุลกากร
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ โฆษกกรมศุลกากร

ซึ่งในประเด็นนี้ ได้รับการยืนยันจาก นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ โฆษกกรมศุลกากร ว่า การจัดเก็บแวตครั้งนี้ จะไม่สร้างภาระให้กับผู้บริโภค เพราะกรมจะเรียกเก็บจากบริษัทขนส่งของเอกชนโดยตรง และผู้ขนส่งจะเรียกเก็บจากผู้ประกอบการต่อ กรมไม่ได้เรียกเก็บจากผู้บริโภคที่สั่งซื้อสินค้าออนไลน์

ยกเว้นสินค้าที่จัดส่งทางไปรษณีย์จากต่างประเทศ ส่วนนี้จะออกใบสำหรับจ่ายภาษีเพิ่มเติม ซึ่งผู้ซื้อสามารถสแกนจ่ายภาษีกับบุรุษไปรษณีย์ และรับของได้เลย ดังนั้น ผู้ประกอบการขนส่ง ห้ามฉวยโอกาสเรียกเก็บเงินภาษี กับผู้บริโภคปลายทางที่รับสินค้าเด็ดขาด

คาดว่า การเก็บแวตนี้ กรมน่าจะจัดเก็บรายได้ได้ประมาณปีละ 2,000 ล้านบาท คำนวณจาก คาดว่า ตลอดทั้งปีงบ 67 (ต.ค.66-ก.ย.67) ไทยจะนำเข้าสินค้ามูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท จากการสั่งซื้อออนไลน์ราว 30,000 ล้านบาท เพราะช่วง 8 เดือนของปีงบ 67 (ต.ค.66-มิ.ย.67) นำเข้าแล้ว 26,000 ล้านบาท หรือ 89 ล้านชิ้น

โดยสินค้ากลุ่มนี้ ขนส่งด้วยรถบรรทุกจากจีน เข้าสู่ไทยผ่านทางด่านมุกดาหารมากเป็นอันดับ 1 รองลงมาเป็นด่านนครพนม

ขณะเดียวกัน สัปดาห์นี้ กรมสรรพากร จะเชิญผู้ประกอบการแพลตฟอร์มสินค้าออนไลน์ ทั้งในและต่างประเทศ มาหารือถึงรายละเอียดการจัดเก็บ เพราะจะเป็นผู้จัดเก็บและนำส่งภาษีมาให้กรมสรรพากร

นอกจากนี้ กรมสรรพากร ยังอยู่ระหว่างแก้กฎหมายประมวลรัษฎากรเกี่ยวกับการจัดเก็บแวต เพื่อให้กรม สามารถจัดเก็บแวตได้ถูกต้อง ซึ่งจะทำให้เสร็จในสิ้นปีนี้ เพื่อให้จัดเก็บได้ตั้งแต่ปี 68 เป็นต้นไป แต่หากล่าช้า ก็อาจให้กรมศุลกากร จัดเก็บแวตแทนไปก่อนจนกว่ากฎหมายจะเสร็จ

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ยืนยันว่า การจัดเก็บแวตครั้งนี้ ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องรายได้ เพียงแต่ต้องการสร้างความเป็นธรรมในการทำธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับต่างประเทศ

เพราะสินค้าผลิตในไทย อาจต้องเสียแวต 7% แต่สินค้านำเข้าบางรายการได้รับการยกเว้น ทำให้เกิดแต้มต่อทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม โดยจะเปิดตู้คอนเทนเนอร์ตรวจ 100% ไม่ได้สุ่มตรวจบางตู้เท่านั้น

3 มาตรการปกป้องเยียวยาผู้ผลิตภายใน

สำหรับสินค้านำเข้าประเภทอื่นๆ ที่ยังทะลักเข้าไทยจำนวนมาก และมีการดัมพ์ราคา หรือทุ่มตลาด จนทำให้ผู้ผลิตในไทยได้รับความเสียหายนั้น

ไทยมี 3 มาตรการที่จะใช้ปกป้อง เยียวยา และลดผลกระทบ ได้แก่ 1.มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) 2.มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (CVD) ภายใต้ ...ตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน และ3.มาตรการปกป้อง (SG) ภายใต้ ... มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้นกำหนด

โดยมี กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ดูแลมาตรการเยียวยาทางการค้า

การใช้มาตรการทั้ง 3 กรมการค้าต่างประเทศ จะเป็นผู้ดำเนินการไต่สวน ตามการร้องเรียนของอุตสาหกรรมภายในที่ได้รับผลกระทบ โดยมีหลักเกณฑ์ คือ AD ต้องมีการทุ่มตลาดโดยสินค้านำเข้า (ราคาส่งออกต่ำกว่าราคาขายในประเทศผู้ส่งออก) และผู้ผลิตไทยเสียหาย เช่น ปริมาณ/มูลค่าขายลดลง, กำไรลดลง หรือขาดทุน, ส่วนแบ่งตลาด ผลผลิต ผลิตภาพลดลง ฯลฯ

ส่วน CVD คือ สินค้าที่ส่งออกมาไทย รัฐบาลประเทศผู้ผลิตให้การอุดหนุนที่เฉพาะเจาะจง ทำให้ผู้ผลิตไทยเสียหาย เช่น ยกเว้นแวตสำหรับส่งออก ให้กู้เงินดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น โดยพิจารณาความเสียหายเหมือน AD 

และ SG มีการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น และผู้ผลิตไทยเสียหายร้ายแรง ทั้งปริมาณและส่วนแบ่งตลาดสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้น, ยอดขาย ผลผลิต ผลิตภาพ กำลังการผลิตลดลง, กำไรลดลง หรือขาดทุน และจ้างงานลดลง

โดยการใช้ AD จะเป็นการเรียกเก็บอากร AD เพิ่มเติมจากภาษีนำเข้าปกติ ส่วน SG เป็นการเก็บอากรเพิ่ม หรือจำกัดปริมาณนำเข้าจากทุกประเทศ ซึ่งทั้ง  3 มาตรการจะช่วยให้ผู้ผลิตภายใน สามารถปรับตัวให้แข่งขันได้

ปัจจุบันไทยใช้ AD กับสินค้านำเข้ากว่า 20 รายการ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเหล็ก เช่น เหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็น เหล็กลวด เหล็กแผ่นชุบหรือเคลือบ ท่อเหล็ก เป็นต้น จากกว่า 20 ประเทศ เช่น จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน เวียดนาม ฯลฯ

ส่วน SG  ที่ผ่านมา ใช้กับ  4 สินค้า คือ เหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออื่นๆ เหล็กแผ่นรีดร้อนไม่เจือ บล็อกแก้ว และเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนเจืออัลลอยหน้าตัดรูปตัว H ปัจจุบันยกเลิกใช้แล้ว และยังไม่มีอุตสาหกรรมใดยื่นคำร้องขอใช้อีก ขณะที่ CVD ก็ยังไม่มีอุตสาหกรรมใดยื่นขอใช้เช่นกัน

กระทรวงการคลัง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ปลัดคลัง สั่งการบ้าน 3 กรมจัดเก็บภาษี ปั๊มยอดจัดเก็บหลังต่ำกว่าเป้า