ทีทีอาร์ หาช่องทางขยายการค้าและการลงทุน เยี่ยมชม Bangladesh Special Economic Zone

ทีทีอาร์
ผู้แทนการค้าไทย หาช่องทางขยายการค้าและการลงทุน เยี่ยมชม Bangladesh Special Economic Zone


“ดร. นลินี ทวีสิน” ผู้แทนการค้าไทย (ทีทีอาร์ หรือ TRR) ขับเคลื่อนข้อสั่งการนายกฯ นำคณะนักธุรกิจไทยบุกตลาดบังกลาเทศ หาช่องทางขยายการค้าและการลงทุน เยี่ยมชม Bangladesh Special Economic Zone ชี้มีปัจจัยสนับสนุนและสิทธิพิเศษต่าง ๆ เอื้อต่อการลงทุนของนักลงทุนไทย”

นลินี ทวีสิน
นลินี ทวีสิน ขับเคลื่อนข้อสั่งการนายกเศรษฐา ทวีสิน นำคณะนักธุรกิจไทยหลายสาขาบุกตลาดบังกลาเทศ

ดร.นลินี ทวีสิน ขับเคลื่อนข้อสั่งการนายกเศรษฐา ทวีสิน นำคณะนักธุรกิจไทยหลายสาขาบุกตลาดบังกลาเทศ สำรวจลู่ทางขยายโอกาสการค้าและการลงทุนใน 3 เมืองหลัก กรุงธากา เมืองจิตตะกอง และ Cox’s Bazar ระหว่างวันที่ 13-17 กรกฎาคม 2567 โดยวันแรกนำคณะเข้าเยี่ยมชม Bangladesh Special Economic Zone

ชี้ เป็นโอกาส ของนักลงทุนไทย เนื่องจาก เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่เป็นแบบอย่างความสำเร็จในการร่วมพัฒนาระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล (บังกลาเทศและญี่ปุ่น) มีความพร้อม ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความได้เปรียบ ด้านทำเลที่ตั้ง และ การให้สิทธิพิเศษต่าง ๆ

ดร. นลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า การนำคณะนักธุรกิจไทย เยือนบังกลาเทศ ในครั้งนี้ เป็นผลจากการเยือนไทย อย่างเป็นทางการของเชค ฮาซีนา นายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ เมื่อ วันที่ 24 – 29 เมษายน 2567 ซึ่งได้หารือกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อหาแนวทางส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนให้เพิ่มมากขึ้น

และนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนในฐานะผู้แทนการค้าไทย เอกอัครราชทูต ณ กรุงธากา (นางมาฆวดี สุมิตรเหมาะ) และกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะ ภาคเอกชนไทย ไปสำรวจศักยภาพทางเศรษฐกิจที่บังกลาเทศ

เพื่อหาทางรักษาตลาด และขยายโอกาสทางเศรษฐกิจของไทย ในสาขาต่าง ๆ โดยเฉพาะ ในสาขาศักยภาพ ได้แก่ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมเกษตร พลังงาน สินค้าฮาลาล ท่องเที่ยว สุขภาพ และโลจิสติกส์

ผู้แทนการค้าไทย หรือ ทีทีอาร์ เปิดเผย ถึงภารกิจของการเดินทางเยือนบังกลาเทศ ในวันแรกนี้ว่าตน และคณะนักธุรกิจไทยในสาขาต่าง ๆ อาทิ การแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมการเกษตร พลังงาน และ นิคมอุตสาหกรรมได้เข้าเยี่ยมชมBangladesh Special Economic Zone เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับรูปแบบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลบังกลาเทศกับรัฐบาลต่างประเทศด้านการลงทุน

การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ โดยBangladesh Special Economic Zone เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลบังกลาเทศ โดยหน่วยงานบริหารเขตเศรษฐกิจบังกลาเทศ (BEZA) องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) และบริษัท Sumitomo ในการพัฒนา เขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อรองรับการลงทุนของเอกชนญี่ปุ่นและประเทศอื่น ๆ ที่สนใจลงทุน โดยมีพื้นที่ประมาณ 2,500 ไร่ ดร. นลินี เสริมว่า การลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษจะมีความได้เปรียบ เนื่องจาก มีความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบน้ำ ระบบไฟ ตลอดจนในแง่ของทำเลที่ตั้งและการขนส่ง นอกจากนี้ นักลงทุนยังจะได้รับสิทธิพิเศษด้านภาษี เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล การยกเว้นการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือการยกเว้นภาษีเงินได้จากส่วนเกินทุน ทั้งหมดนี้ จึงทำให้เขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมและน่าสนใจสำหรับนักลงทุนชาวไทย ทั้งนี้ บังกลาเทศได้ตั้งเป้าที่จะพัฒนาเขตเศรษฐกิจทั้งประเทศเป็นจำนวน 100 แห่ง เพื่อสร้างงานเพิ่ม 10 ล้านตำแหน่ง

ดร. นลินีฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า บังกลาเทศเป็นประเทศที่มีประชากรราว 170 ล้านคน มากเป็นอันดับ 8 ของโลก มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับที่ 35 ของโลก โดยมีชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อสูงร้อยละ 20 หรือประมาณ 34 ล้านคน มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 4 ทศวรรษ 

บังกลาเทศยังเป็นคู่ค้าอันดับที่ 2 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ โดยในปี 2566 การค้าทวิภาคีมีมูลค่า 1,185.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีในบังกลาเทศ 

โดยสินค้าและบริการของไทยได้รับความเชื่อมั่นจากชาวบังกลาเทศ เช่น ผลิตภัณฑ์อาหาร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มสินค้าเกษตรกรรม นอกจากนี้ รัฐบาลบังกลาเทศยังได้ดำเนินนโยบายสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศโดยการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี การลดขั้นตอนการอนุมัติการลงทุน และการให้ความสะดวกในการทำธุรกรรมทางธุรกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้บังกลาเทศเป็นตลาดที่น่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับนักลงทุนไทย

ผู้แทนการค้าไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ผู้แทนการค้าไทย พบ รมว.เพาะปลูกมาเลเซีย ขับเคลื่อนการค้า การลงทุนอุตสาหกรรม ยางพารา