

ในช่วงหาเสียงประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เสนอนโยบายด้าน ภาษีใหม่ ภาษีศุลกากร ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
รายงานของ CNBC ระบุว่า ศูนย์นโยบายภาษีและสถาบัน Peterson Institute for International Economics คาดว่าครัวเรือนทั่วไปในสหรัฐฯ อาจต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 2,600 – 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากราคาสินค้าที่สูงขึ้นจากภาษีนำเข้า
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมาก ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่แย่ลง เมื่อเทียบกับ 4 ปีที่ผ่านมา และแนวโน้มของนโยบายภาษีใหม่ของ “ทรัมป์” ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของ ประธานาธิบดีไบเดน ยิ่งทำให้สถานการณ์เงินเฟ้อรุนแรงขึ้น
นักเศรษฐศาสตร์ คาดว่าหากแผนภาษีถูกนำไปใช้ ค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นในสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ เช่น เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยโดยเฉพาะ
“ทรัมป์” ยังได้เสนอให้มีการเก็บภาษีนำเข้าสูง เช่น ภาษีนำเข้าจากจีน 60% และภาษีนำเข้ารถยนต์จากเม็กซิโกสูงถึง 200%
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า การเพิ่มภาษีนี้จะส่งผลให้ครัวเรือนอเมริกันต้องเสียค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3,000 ดอลลาร์ฯต่อปี และอาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานลดลง
นอกจากนี้ ภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นจะส่งผลต่อราคาสินค้าและต้นทุนการผลิต ซึ่งจะถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภค ส่งผลให้ผู้บริโภคอาจต้องลดการใช้จ่ายลง ส่งผลกระทบต่อกำไรของธุรกิจและทำให้ตำแหน่งงานลดลง
นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่า หากแผนภาษีนี้ถูกนำไปใช้จริง สหรัฐฯ จะสูญเสียตำแหน่งงานราว 684,000 ตำแหน่ง และตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ลดลงอย่างน้อย 0.8%
ในขณะที่แผนภาษีนี้อาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้นและสร้างรายได้ให้รัฐบาลกลางจากภาษีศุลกากร แต่ก็เป็นที่คาดการณ์ว่านโยบายดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมเติบโตช้าลง
https://thejournalistclub.com/stock-market-new-high-since-2022-trump-white-house/