ททท.โกยเอเชียตะวันออก5ชาติQ1/67ทะลุ2.5ล้านคน

ททท.กวาดนักท่องเที่ยวไตรมาส 1 ปี’67 “จีน-เกาหลี-ญี่ปุ่น-ฮ่องกง-ไต้หวัน” เที่ยวไทยทะลุ 2.5 ล้านคน แอร์ไลน์สแห่เพิ่ม 19 ล้านที่นั่ง แนะเอกชนพลิกโฉมรับทัวร์สายพันธุ์ใหม่ยุค Rio กับ“ทัวร์ไฮเอนด์” จีน เกาหลี สัดส่วนโตสูงสุด 19-28 %

  • นักท่องเที่ยวเอเชียตะวันออก 5 ตลาดเที่ยวไทย ก.พ.-6มี.ค.67 ทะลุแล้ว 2.5 ล้านคน
  • แนะเอกชนปรับตัวรับตลาด 2 สายพันธุ์ใหม่ “Rio-ไฮเอนด์” โตไม่ยั้ง
  • ททท.สบช่องดึงแอร์ไลน์จีนแห่เปิดเมืองรองสู่เมืองรองแล้ว 4 เส้นทางใหม่  

นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวไตรมาส 1 ตั้งแต่มกราคม -6 มีนาคม 2567 ตลาดเอเชียตะวันออก 5 ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยรวมกันแล้วกว่า 2.5 ล้านคน ซึ่งเป็นดาวรุ่งความหวังของไทยเพราะแต่ละประเทศมีนักท่องเที่ยวเดินทางปีละเกิน 1 ล้านคน สัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของตลาดต่างประเทศเที่ยวไทยทั้งหมด

แล้วปี 2567 ยังมี 2 สัญญาณตลาดใหม่จากเอเชียตะวันออกเที่ยวเมืองไทย คือ สัญญาแรก “ตลาดไฮเอนด์” ที่มีรายได้ปีละเกิน 60,000 เหรียญสหรัฐ/คน เปรียบเทียก่อนโควิดปี 2562 กับปี 2567 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาก จีน เพิ่ม 19 % จากเดิม 11 % เกาหลี และไต้หวัน เพิ่มมากสุดถึง 28 % จากเดิม 19 % สัญญาณที่สอง “ตลาดสายพันธุ์ใหม่ Rio” เป็นนักท่องเที่ยวเกิดหลังปี ค.ศ.1990 มาไทยเติบโตเพิ่มอย่างรวดเร็ว นิยมเที่ยวสไตล์ Hopping เที่ยวทุกแห่งพร้อมกับทำคอนเทนท์ประสบการณ์เดินทางไปด้วย

ส่วนสถานการณ์ภาพรวมของสายการบินจากเอเชียตะวันออก 5 ประเทศ ตั้งแต่มกราคม – มีนาคม 2567 กลับมาเปิดบินตรงเพิ่มขึ้นรวมแล้วกว่า 19 ล้านที่นั่ง ประกอบด้วย

ตลาดแรก “สาธารณรัฐประชาชนจีน” มีจำนวน 1.3 ล้านคน เป็นประเทศแรกทำยอดทะลุเกินล้านคน ตอนนี้มาไทยวันละกว่า 20,000 คน โดยได้อานิสงจากฟรีวีซ่าตั้งแต่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป มาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ 1.มีวันหยุดยาว 2.สภาพภูมิอากาศเอเชียหนาวเย็นมาก 3.ทะเลอันดามันกับอ่าวไทยสวยงาม นักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่จึงเลือกมาไทยไฮไลต์ 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มแรก เดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อน (Liesure) กลุ่มที่สอง เดินทางท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (incentive) เมื่อ 5 มีนาคม ไทยได้ต้อนรับกลุ่มอินเซนทีฟจากเมืองเสิ่นเจิ้นมากถึง 2,000 คน ก่อนหน้านี้ก็มีบริษัทขนาดใหญ่จากปักกิ่งเข้ามา5,000 คน เมื่อวันเสาร์ที่ 9 มีนาคม ยังมีอินเซนทีฟจึนเข้ามาอีกจำนวนหลายพันคน แนวโน้มปี 2567 จีนมาเที่ยวเมืองไทยเป็นไปตามเป้าหมาย 7.2 -8 ล้านคน

ส่วนสถานการณ์เที่ยวบินจีนมีประมาณ 30 สายการบิน บินจาก 41 เมือง เชื่อมต่อเข้าสู่เมืองไทย  5 สนามบินหลัก จำนวนมากสุด 6.5 ล้านที่นั่ง จากทั้งหมด 34,000 เที่ยวบิน

ตลาดที่ 2 “เกาหลี” ทำสถิติดีมาตั้งแต่ต้นปี ระหว่ามกราคม- 6 มีนาคม 2567 มาไทยแล้ว 4.4 แสนคน เฉลี่ยวันละ 7,000 คน โดยโครงสร้างตลาดภาพรวมเปลี่ยนไปเกาหลีเที่ยวไทยไม่มีโลว์ซีซันอีกแล้วเริ่มมาตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังได้เห็นเทรนด์ใหม่เป็นกลุ่มวัยรุ่น อินเซนทีฟ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะวันหยุดยาวเทศกาลส่งลาของเกาหลี 9-12 มีนาคม 2567 หลั่งไหลมาเที่ยวเมืองไทยจำนวนมาก

ขณะนี้มีเที่ยวบินและที่นั่งเข้าออกไทยเพิ่มขึ้น 105 % เชื่อมเส้นทาง 4 เมือง จากเกาหลีสู่ไทยจำนวนรวม 1.7 ล้านที่นั่ง จากทั้งหมด 6,800 เที่ยวบิน

ตลาดที่ 3 “ญี่ปุ่น” มาเที่ยวไทยแล้ว 1.9 แสนคน ปี 2567 ฟื้นตัวเร็วกว่าปีก่อนแล้วยังมีช่วงวันหยุดโกลเด้น วีค และปิดภาคเรียนเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมเป็นแรงส่งให้ญี่ปุ่นเที่ยวเมืองไทยคึกคักเป็นพิเศษด้วย

ขณะนี้มีเที่ยวบินตรงจากญี่ปุ่น 6 เมือง เข้าสู่ไทยประมาณ 1.949 ล้านที่นั่ง จาก 6,900 เที่ยวบิน ถึงแม้ตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นจะฟื้นตัวค่อนข้างช้าเพราะบอบช้ำจากปัญหาเศรษฐกิจแต่พอช่วงต้นปี 2567 กลับมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน

ตลาดที่ 4 ไต้หวัน มาเที่ยวไทยแล้ว 1.8 แสนคน   โดยมีเที่ยวบินบริการเข้าออกไทยสูงมากถึง 1.5 ล้านที่นั่ง จาก 6,900 เที่ยวบิน เพราะได้อานิสงจากมาตรการนโยบายรัฐบาลไทยเปิดฟรีวีซ่า

ตลาดที่ 5 ฮ่องกง มาเที่ยวไทยแล้ว 1.2 แสนคน  โดยมีเที่ยวบินบริการเข้าออกไทยรวมแล้ว 2.2 ล้านที่นั่ง จากจำนวน 8,300 เที่ยวบิน

สำหรับไต้หวันและฮ่องกงทั้ง 2 ประเทศ ตลอดปี 2567 กำลังมีสัญญาณที่ดีมากจากนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ กลุ่มคนรุ่นใหม่อายุน้อยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น กับกลุ่ม Multi Generation เป็นครอบครัวขนาดใหญ่ เช่น ลูก ๆ ทั้งหญิงและขายพาคุณพ่อคุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย ทั้ง 3 เจเนอเรชั่น ชวนกันมาเที่ยวเมืองไทย

นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

ผอ.ชูวิทย์ กล่าวว่า ททท.เล็งเห็นศักยภาพการเดินทางโดยเครื่องบินของนักท่องเที่ยวเอเชียตะวันออกทั้ง 5 ประเทศ ซึ่งมีจำนวนที่นั่งโดยสารและปริมาณเที่ยวบินกลับมาเติบโตแข็งแกร่ง รวมทั้งได้เชื่อมโยงการเดินทางระหว่างเมืองรองกับเมืองรองเพิ่มขึ้นด้วย ล่าสุดมีเที่ยวบินจากเมืองรองในจีนทยอยมาไทยตั้งแต่ไตรมาส 1 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 2 ปี 2567 อย่างน้อย 4 เส้นทางใหม่

ได้แก่ เส้นทางบินที่ 1 เมืองหลานโจว มณฑลกานซู่ มาลงสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา เส้นทางที่ 2 เที่ยวบินเฉินตู มาลงเกาะสมุย เส้นทางที่ 3 หนานหนิง (จีน) มากรุงเทพฯ ซึ่งทางนกแอร์เตรียมเปิดบินเร็ว ๆ นี้ เส้นทางที่ 4 เมืองเจิ้งโจว ทางตอนเหนือของจีน มากรุงเทพฯ

ทั้งนี้ทุกเส้นทางบินเปิดใหม่เมืองรองของจีนสู่เมืองรองและเมืองหลักของไทย ล้วนได้ปัจจัยหนุนเชิงบวกจากนักท่องเที่ยวจีนขานรับฟรีวีซ่าของไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดเต็มรูปแบบแล้ว ผนวกกับเศรษฐกิจ จีน ญี่ปุ่น ขยับดีขึ้นเล็กน้อย ทำให้นักท่องเที่ยวปรับโครงสร้างมีพลังจะออกเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มขึ้นในไตรมาสต่อไปด้วย

-เรื่องโดย เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน