สนค. ชี้ อัพไซเคิล (upcycle) ธุรกิจเปลี่ยนขยะให้เป็นเงิน

อัพไซเคิล (upcycle) ธุรกิจเปลี่ยนขยะให้เป็นเงิน
สนค. ชี้ อัพไซเคิล (upcycle) ธุรกิจเปลี่ยนขยะให้เป็นเงิน


สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เผยธุรกิจอัพไซเคิลเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ ในการพัฒนาวัสดุหรือวัตถุดิบเหลือทิ้ง ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยสร้างเอกลักษณ์โดนเด่น เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ และส่งเสริมความยั่งยืน

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) เติบโตอย่างก้าวกระโดด ประกอบกับการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกที่ทำให้ การบริโภคของทุกภาคส่วนขยายตัว ก่อให้เกิดปริมาณขยะจำนวนมาก ทั้งขยะมูลฝอยชุมชนและขยะพลาสติก

ประเทศไทย : ปี 2566 มีขยะมูลฝอยชุมชน 26.95 ล้านตัน

สนค. เปลี่ยนขยะเป็นเงิน
ธุรกิจอัพไซเคิล

รายงาน Global Waste Management Outlook 2024 ของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ระบุว่า ขยะมูลฝอยชุมชนทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 3.8 พันล้านตัน ภายในปี 2593 และทำให้ต้นทุนในการจัดการขยะทั่วโลกเพิ่มขึ้น จาก 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563 เป็น 6.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี2593 

สำหรับประเทศไทย ในปี 2566 มีขยะมูลฝอยชุมชน 26.95 ล้านตันหรือเฉลี่ยประมาณ 73,840 ตัน/วัน ขยะปริมาณมหาศาลเหล่านี้ก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา ทั้งปัญหาการเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สุขอนามัยของประชาชนตลอดจนเป็นภาระทางคลังของประเทศ

ผอ.สนค. อธิบายว่า ความท้าทายในการจัดการขยะจำนวนมาก และต้นทุนในการดำเนินการที่เพิ่มขึ้น ตามปริมาณขยะ ก่อให้เกิดแนวคิดในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขยะ การอัพไซเคิล (upcycle) ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

อัพไซเคิล (upcycle) มาจากคำว่า อัพเกรด (upgrade) ที่หมายถึงการพัฒนาให้ดีขึ้น รวมกับคำว่า รีไซเคิล (recycle) หมายถึงการนำวัสดุที่ไม่ใช้แล้วมาแปรรูปเป็นวัสดุ/ผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพเท่าเดิมหรือใกล้เคียงของเดิม ดังนั้น อัพไซเคิล (upcycle) จึงหมายถึง การนำวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว มาแปรรูป ออกแบบ ต่อยอด และพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco-Design) เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ มีมูลค่ามากขึ้น และสามารถนำไป ใช้งานได้จริง

บริษัทวิจัยการตลาด Grand View Research ได้รวบรวมมูลค่าตลาดอัพไซเคิลทั่วโลก และคาดการณ์ว่า ในปี 2568 ตลาดอัพไซเคิล จะมีมูลค่า 9.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเติบโตเฉลี่ยร้อยละ5.6 ต่อปี เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดวัตถุดิบอัพไซเคิล(upcycled ingredients) ที่คาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 512 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2575 โดยเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 6.4 ต่อปีทั้งนี้ ตลาดอัพไซเคิลขยายตัวเพิ่มขึ้น

เนื่องจากมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่ช่วยให้กระบวนการอัพไซเคิลมีประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตลงอาทิ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) สามารถใช้วิเคราะห์รายละเอียดวัสดุเหลือใช้ ทำให้การแยกขยะมีประสิทธิภาพ แม่นยำ และรวดเร็วขึ้น ใช้วิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการผลิต หรือใช้วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า และเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) สามารถนำมาใช้ในกระบวนผลิตสินค้าอย่างยั่งยืน และออกแบบสินค้าให้มีเอกลักษณ์ ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจด้วย

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์อัพไซเคิล

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์อัพไซเคิลที่น่าสนใจ อาทิ แบรนด์ Forust ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้าน ได้นำเศษขี้เลื่อยที่เหลือจากอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ มาขึ้นรูปและใช้เทคโนโลยี 3D Printing ในการออกแบบชิ้นงาน ลายไม้ และสีรวมถึงพิมพ์เป็นรูปร่างต่าง ๆ

อาทิ คอนโซลรถยนต์ โคมไฟ และแจกัน แบรนด์ The R Collective ของฮ่องกง ผู้ผลิตเสื้อผ้าแฟชั่น ที่ใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์เนื้อผ้า ที่เหลือจากกระบวนการผลิตเพื่อคัดเลือกวัสดุผ้าคุณภาพดีที่สุดแล้วนำมาตัดเย็บเป็นชิ้นงานใหม่ และแบรนด์ Rothy’s ของสหรัฐอเมริกา ที่ผลิตรองเท้ากระเป๋า และเครื่องประดับ โดยนำขวดพลาสติกมาผลิตเป็นเส้นใยและถักทอด้วยเทคโนโลยี 3D Printing

ในประเทศไทยก็มีผลิตภัณฑ์อัพไซเคิลหลากหลายมากขึ้น และเป็นที่รู้จักมากขึ้น อาทิ แบรนด์ PIPATCHARA ที่ผลิตเสื้อผ้าและเครื่องประดับจากฝาขวดพลาสติก แบรนด์ Uptoyou ที่ผลิตสินค้าไลฟ์สไตล์หลากหลาย และแบรนด์ PlanToys ที่ผลิตของเล่นจากต้นยางพาราที่หมดอายุการให้น้ำยาง วัสดุเหลือใช้จากการผลิตไม้ ขี้เลื่อย และวัสดุจากธรรมชาติที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น

ปัจจัยที่จะช่วยให้ธุรกิจอัพไซเคิลของไทยสามารถแข่งขันและเติบโตได้ในอนาคต

ผอ.สนค. กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจอัพไซเคิลของไทยสามารถแข่งขันและเติบโตได้ในอนาคต ได้แก่

(1) การสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญและยอมรับผลิตภัณฑ์อัพไซเคิลให้มากขึ้น รวมถึงการกำหนดมาตรฐานและตราสัญลักษณ์สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

(2) ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการรวบรวมและแยกขยะออกแบบ และผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่ช่วยลดปริมาณขยะและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ

(3) การสนับสนุนทุกภาคส่วน อาทิ มาตรการทาง การเงิน ภาษีและการลงทุนในธุรกิจหมุนเวียน การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง และการส่งเสริมการบริโภคผลิตภัณฑ์อัพไซเคิล

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สนค. ชวนถอดรหัสการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าไทย-จีน