ตำรวจ ปคบ. ลุยค้น 9 จุด เครือข่าย “ดิไอคอน” หาพยานหลักฐานเอาผิด

เอาผิดดิไอคอน กรุ๊ป
ตำรวจ ปคบ. ลุยค้น 9 จุด เครือข่าย “ดิไอคอน” หาพยานหลักฐานเอาผิด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจ บก.ปคบ. นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 9 จุด เป็นสถานที่ในเครือบริษัท “ดิไอคอน กรุ๊ป” ทั้งในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร และ ปริมณฑล เพื่อค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม สำหรับการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ เพื่อหาพยานหลักฐานเอกสารต่างๆ โดยเฉพาะหลักฐานเกี่ยวกับ การจัดซื้อ-ขายและจำนวนการผลิตสินค้า เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทดังกล่าว ว่า ที่ผ่านมาบริษัทดังกล่าวมุ่งเน้นจำหน่ายสินค้า หรือ มุ่งเน้นการระดมทุน หลังจากนั้นจะมีการแถลงรายละเอียดสรุปผลปฏิบัติการอีกครั้งในเวลา 14.00 น.

เหยื่อ “ดิไอคอน” ทยอยเข้าแจ้งความสอบสวนกลางต่อเนื่อง ตำรวจจัดห้องประชุมใหญ่พร้กำลังพนักงานสอบสวนกว่า 70 คนไว้รองรับ ด้าน “บิ๊กอ้อ” เตรียมแถลงความคืบหน้าทางคดี 

เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่ ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผบก.ป. และคณะทำงานชุดคลี่คลายคดี “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดี

ขณะที่เดียวกันที่ ห้องประชุมชัยจินดา ซึ่งเป็นสถานที่จัดเตรียมไว้รองรับกลุ่มผู้เสียหาย ที่ต้องการเดินทางเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทดังกล่าว พบว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีผู้เสียหายจากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เดินทางเข้ายื่นเอกสารแจ้งความอย่างต่อเนื่อง โดยตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้จัดเตรียมพนักงานสอบสวนไว้รองรับและคอยให้บริการตลอดทั้งวันมากถึง 70 นาย เนื่องจากเมื่อวานนี้ มีผู้เสียหายจำนวนมากเข้ามาแจ้งความ ทำให้การสอบสวนเป็นไปค่อนข้างช้า

ต่อมาเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน ได้มีผู้เสียหายรายหนึ่ง เดินถือแผ่นป้ายกระดาษ ระบุข้อความ “SAFE กรรชัย” เข้ามาที่บริเวณหน้าห้องรับแจ้งความ ก่อนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองเป็นหนึ่งในผู้เสียหาย เคยถูกหลอกให้ลงทุนตั้งแต่เมื่อปี 2001 สูญเงินไป 5 หมื่นบาท แต่ก็ไม่เคยออกมาเคลื่อนไหว กระทั่งทราบข่าวว่ามีคนข่มขู่ “คุณหนุ่มกรรชัย” พิธีกรชื่อดัง จึงทนไม่ได้ต้องออกมาเคลื่อนไหว เพื่อให้กำลังและปกป้อง คุณหนุ่มกรรชัย เพราะเป็นคนที่เสียสละ และ กล้าออกมาเปิดโปงเรื่องดังกล่าว

ขณะที่ น.ส.แนน ผู้เสียหายอีกราย เปิดเผยว่า รู้จักกับบอสคนหนึ่งที่เคยทำคลินิกเสริมความงาม เนื่องจากเคยทำงานที่คลินิก พอออกมา บอสได้เริ่มมาทำธุรกิจนี้ ตอนแรกยังใช้ชื่อแค่ว่า บูมคอลลาเจน และบอสได้มาชวนตนให้ไปลงทุนตั้งแต่แรก เพราะเห็นว่าตนชอบไลฟ์สด แต่ได้ปฏิเสธไป เพราะไม่รู้ว่าต้องเริ่มทำอย่างไร หลังจากนั้น เมื่อประมาณปีที่แล้ว เลขาของบอส ติดต่อมาหาอีก บอกว่าตนเป็นคนมีความสามารถ เป็นคนเก่ง น่าจะทำธุรกิจนี้ได้ ก่อนโน้มน้าวว่าธุรกิจนี้เป็นนโยบายแบบการตลาด 0 บาท ไม่ต้องใช้เงินเลย มีคนจัดการทุกอย่างให้หมด จากนั้นจึงเข้าไปเรียน มีดารามาพูดสร้างแรงบันดาลใจว่าประสบความสำเร็จเพราะธุรกิจนี้ จนหลงเชื่อ และเริ่มลงทุน ก่อนจะถูกชักชวนให้เพิ่มจำนวนเงินลงทุน และหาลูกข่าย พอบอกว่าไม่มีเงิน แม่ข่ายจะบอกให้ไปจำนำทรัพย์สินยังไงก็ได้คืน ยังไงธุรกิจนี้ก็โต แต่พอบอกว่าไม่ไหว จะขอลดระดับ และขอเงินคืน กลับไม่สามารถขอคืนได้แต่บริษัทจะให้สินค้ามาเพิ่มแทนส่วนต่าง ซึ่งตอนนี้สินค้ายังขายไม่ได้ ต้องเอามาใช้เอง

น.ส.แนน เล่าอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีการให้ไปชักชวนพี่สาวมาลงทุนด้วย หลังพี่สาวมาลงทุน ก็ถูกชักชวนให้ซื้อทัวร์ไปยุโรป บอกว่า เป็นการสร้างโปรไฟล์ให้คนเห็นว่าทำธุรกิจนี้แล้วประสบความสำเร็จ แต่หลังจากไปทัวร์มาแล้ว ขายของไม่ได้ ทำไม่ได้อย่างที่บริษัทต้องการ จนถูกลอยแพ

สำหรับกลุ่มดารานักแสดงที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ ตนไม่เคยเจอส่วนตัว เพราะกลุ่มนี้จะขึ้นเวทีงานใหญ่ๆ เท่านั้น จะมาสร้างความเชื่อมั่น ว่าเชื่อในธุรกิจนี้อย่างหา ซึ่งการที่ดาราเริ่มออกมาแถลงข่าว บอกว่าไม่เกี่ยวข้องนั้น จริงหรือไม่จริง ตนตอบไม่ได้ แต่ส่วนตัวมองว่า ถ้าไม่เกี่ยวข้อง แล้วจะไปอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร ตอนที่จะเปิดตัว บริษัทก็บอกว่า เตรียมพบกับบอสใหม่ ถ้าไม่เกี่ยวข้อง ต้องปฏิเสธแต่แรกแล้วว่าไม่ใช่บอส เป็นแค่ฝ่ายจัดการอะไรก็ว่าไป แต่สิ่งที่ทำคือการยอมรับว่าเป็นบอส ตอนมาพูดในงานก็บอกว่ามาเป็นบอส เป็นหุ้นส่วน

ขณะที่ พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า หลังจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนบก.ปคบ. กรณีผู้เสียหายคดีดิไอคอน กรุ๊ป ตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. กระทั่งปัจจุบันเป็นวันที่ 3 พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายไปแล้ว 306 ปาก รวมมูลค่าความเสียหาย ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 118 ล้านบาท

ทั้งนี้ในช่วงประมาณ 14.00 น. ของวันนี้พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงาน จะเข้ามาแถลงความคืบหน้าในส่วนของคดีดังกล่าว ซึ่งขณะนี้คณะทำงานได้ประชุมร่วมกันและคาดว่าจะมีปฏิบัติการเข้าตรวจสอบในหลายจุดที่เกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าว.

บก.ปคบ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : “พีพี” รับ”ดิไอคอน กรุ๊ป” จ้างเป็นพรีเซนเตอร์ รับห่วงความรู้สึกแฟนคลับ ปัดคุย “บอสพอล”