

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ Dsi พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นัดประชุมการดำเนินคดีอาญากับบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวก ซึ่งถือเป็นการประชุมเป็นครั้งที่ 8
โดยการประชุมครั้งนี้ เพื่อพิจารณาเอกสารและพยานหลักฐานทั้งหมดของสำนวนคดี เพื่อมีความเห็นทางคดีอย่างเป็นเอกฉันท์ว่า จะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง ผู้ต้องหารายใดจากข้อกล่าวหาใดบ้าง ซึ่งข้อหาที่ทั้ง 18 ราย และ 1 นิติบุคคล โดนในข้อหาฉ้อโกงประชาชน, ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่า ด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ, พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 หรือกฎหมายแชร์ลูกโซ่ และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545
เวลาต่อมา 12:45 น. เมื่อการประชุมเสร็จสิ้น พ.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่า ดีเอสไอได้ประชุมร่วมกับคณะที่ปรึกษา ที่มีการแต่งตั้งผู้มีความรู้เชี่ยวชาญด้านการกฏหมาย ด้านเทคโนโลยี และด้านบัญชีการเงิน รวมทั้งคณะพนักงานสอบสวนที่นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งให้เจ้าหน้าที่รัฐอื่นๆ มาช่วยสอบสวน เป็นคณะสอบสวนคดีพิเศษ ทั้ง ป.ป.ง. , กรมสรรพากร ,สำนักเศรษฐกิจการคลัง โดยทุกส่วนได้ร่วมกันพิจารณา
ซึ่งผลที่ประชุมมีความเห็นว่าการสอบสวนในคดีนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานมาทุกชนิดและการสอบสวนแล้ว ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติ และมีการปรับข้อเท็จจริงให้เข้ากับข้อกฎหมาย มีการชั่งน้ำหนักหลักฐานแล้ว ที่ประชุมมีความเห็นควร “สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย” ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา และเป็นนิติบุคคลจำนวน 1 ราย ทั้ง 4 ข้อหา ทั้งนี้จะมีการส่งพยานหลักฐานสำนวนให้พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษในวันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม 2567
ในส่วนที่นำมาประกอบการพิจารณา พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า มีการนำการแก้ข้อกล่าวหาของผู้ต้องหา รวมถึงคำให้การของพยานฝั่ง ดิ ไอคอน จำนวน 50 ปาก ซึ่งได้คัดเลือกมาเฉพาะผู้ที่เป็นประเด็นสำคัญ และเป็นประโยชน์ต่อผู้ต้องหา แต่สุดท้ายเมื่อนำมาชั่งน้ำหนักแล้ว ไม่สามารถหักล้างกับข้อกล่าวหาได้
ด้าน นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนและรองโฆษกสำนักงานอัยการการสูงสุด เปิดเผยว่า เนื่องจากคดีนี้มีการกระทำอยู่ 2 ส่วน ซึ่งครึ่งแรก เป็นความผิดที่กระทำต่อผู้เสียหาย จำนวน 7,000 กว่าคน ทางอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเป็นไปตามที่อัยการสำนักงานการสอบสวนเสนอ ส่วนนี้เป็นความผิดในราชอาณาจักรสำเร็จจบวันนี้ ส่วนผู้เสียหายที่อยู่นอกประเทศหรือนอกราชอาณาจักร ในสำนวนเดิมมีอยู่ 8 คน แต่ตอนนี้มีเพิ่ม 10 คน ต้องแยกสำนวนในการสอบสวน โดยเป็นคดีนอกราชอาณาจักร และมีอัยการเข้ามาร่วมสอบสวนด้วย เมื่อสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว สำนวนจะไม่ถูกส่งไปยัง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ แต่จะเสนอให้อัยการสูงสุดเป็นผู้สั่งคดีนอกราชอาณาจักร
ดังนั้นขั้นตอนของคดีดิไอคอนจึงเเยกเป็นสองส่วนเนื่องจากการกระทำแต่ละครั้ง ถือว่าเป็น 1 กระทงหรือ 1 กรัม สามารถแยกส่วนได้ แต่หากผู้เสียหายรายใด ประสงค์ที่จะดำเนินคดี ก็ยังสามารถเข้ามาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ ทั้งนี้เมื่อดีเอสไอได้ส่งสำนวนไปแล้ว ขั้นต่อไปก็จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพนักงานอัยการต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : “ดีเอสไอ” ออกหมายจับ “สามารถ” คดีดิไอคอน