อินเดียชิงดำเบียด “อิเหนา-ไทย” ปักหมุดฐานผลิตรถเทสล่าในเอเชีย

โรงงาน Gigafactory รัฐเนวาดา
  • เทสล่าเตรียมเดินทางไปอินเดียเดือนนี้
  • เพื่อตัดสินใจลงทุนก่อสร้างโรงงานในเอเชีย
  • ระหว่างอินเดีย, อินโดและไทย

มีรายงานข่าวว่า Tesla (เทสล่า) วางแผนส่งทีมสำรวจไปยังประเทศอินเดียภายในเดือนเมษายนนี้ นำโดย “อีลอน มสก์” ซีอีโอ เทสล่าจะเดินทางไปพบกับ “นเรนทรา โมดี”  นายกรัฐมนตรี ของอินเดีย ที่ประกาศบนแพล็ตฟอร์ม X  เพื่อการตัดสินใจในการลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (EV) และเพิ่มการสั่งซื้อชิ้นส่วนรถยนต์จากอินเดียมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

อินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกและเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก แต่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศนั้นคิดเป็นเพียง 1.3% ของรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดที่จำหน่ายในปีที่แล้วทั่วโลกBloombergNEFประมาณการว่า มีการขาย รถยนต์ EV สำหรับผู้โดยสารประมาณ 96,000 คันในอินเดียในปี 2566 หรือเกือบสองเท่าในปีก่อนหน้า โดยคาดการณ์ว่าจำนวนการขายจะเพิ่มขึ้นอีก 40% ในปี 2567

ผู้ผลิตรถยนต์ EV คาดหวังเข้าสู่ตลาดอินโดยจากเหตผลที่เป็นตลาดที่มีแนวโน้มสำหรับรถยนต์ขนาดเล็กและราคาไม่แพง แล้ว 86% ของ EV ที่ขายในปี 2023 มีราคาต่ำกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปัจจุบันตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของอินเดีย เต็มไปด้วย รถยนต์รุ่นใหม่ราคาไม่แพงรถยนต์ประมาณ 69% ที่ขายในอินเดียเมื่อปีที่แล้วมีราคาต่ำกว่า 15,000 ดอลลาร์ ขณะที่ 27% มีราคาต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์

เมื่อเร็วๆ นี้ยังมีหลายแบรนด์เพิ่งเปิดตัวไป  โดย MG Comet รถขนาดเล๋ก ราคต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์ และ Tata Tiago  ในราคา 10,500 ดอลลาร์ ส่วนรถยนต์สันดาปที่มียอดขายสูงสุดเช่น เช่น Swift และ Wagon R ของ ซูซูกิ ขายราคาต่ำกว่า 8,000 ดอลลาร์

ปีที่ผ่านมา Tesla เสนอแนวคิดเรื่อง Gigafactory India เป็นครั้งแรกราคาเริ่มต้นของรถยนต์ที่ผลิตในประเทศนั้นอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านรูปีหรือประมาณ 24,000 ดอลลาร์ในปัจจุบัน แต่ตามรายงานของสำนักข่้าวรอยเตอร์สเมื่อวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา เทสล่า ได้ยกเลิกการผลิตรุ่น โมเดล 2 และจะมุ่งเน้นไปที่ความพยายามในการเปิดตัวแท็กซี่ไร้คนขับ การตัดสินใจดังกล่าว หากกลายเป็นจริง ถือเป็นการละทิ้งเป้าหมายอันยาวนานที่อีลอน มัสก์ได้กล่าวไว้หลายครั้งในแผนแม่บท “ลับ” ของเขา นั่นคือการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่แพงเพื่อตลาดแมส ยิ่งไปกว่านั้นเทสล่า จะเหมาะกับที่ไหนหากไม่มี EV ราคาไม่แพงในภูมิทัศน์ยานยนต์เอเชียใต้

ความสนใจของเทสล่า ในภูมิภาคเอเชียใต้อยู่ที่การขยายโรงงาน Gigafactory ของบริษัทอินเดียอาจเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งใหม่ เนื่องจากอินเดียได้ลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับเทสล่า(และผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น) โดย “อีลอน มัสก์” ยึดมั่นในการลดภาษีนำเข้ามาเป็นเวลานานก่อนที่จะลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในตลาดรถยนต์ทั่วโลก

ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับเขาและเทสล่า ที่จะ “ประกาศแผนการผลิตของพวกเขา” Rajesh Kumar Singh เลขาธิการแผนกส่งเสริมอุตสาหกรรมและการค้าภายในของอินเดียกล่าว

ซึ่งหากต้องการได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีเทสล่าและบริษัทอื่นๆ  อื่นๆ จะต้องลงทุนอย่างน้อย 41.5 พันล้านรูปี (500 ล้านดอลลาร์) และเริ่มผลิต EV จากโรงงานในท้องถิ่นภายใน 3 ปี

ทั้งนี้ซีตรองเป็นแบรนด์ผู้ผลิตช้ามชาติราบแรกลงทุนผลิตรถยนต์ EV ในอินเดียและส่งออกไปต่างประเทศ บริษัทได้ประกาศเริ่มการส่งออก Citroën ë-C3 จำนวน 500 คันไปยังอินโดนีเซียครั้งแรก ได้รับการติดธงพิธีการจากท่าเรือ Kamarajar เมื่อวันพฤหัสบดี

ก่อนหน้านี้มีข่าวเทสลาจะทุ่มเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำเริ่มแรกในการสร้างโรงงานในอินเดียประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์ (กว่า 7 หมื่นล้านบาท) และจะพิจารณาเพิ่มการซื้อชิ้นส่วนรถยนต์จากอินเดียมูลค่าสูงสุด 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 5.28 แสนล้านบาท) โดยพิจารณาลงทุนในรัฐคุชราต ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย กับรัฐมหาราษฏระและรัฐทมิฬนาดู

ขณะเดียวกันเทสล่าได้พิจารณาลงทุนในประเทศไทยและอินโดนีเซียด้วย โดยนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้เดินทางไปสหรัฐฯเพื่อเจรจาให้เทสล่าเลือกไทยเป็นฐานกานรผลิต โดยจะเทสล่าต้องการที่ดินขนาด 2,000 ไร่เพื่อลงทุนก่อสร้างโรงงาน ซึ่งคาดว่าจะมีการตัดสินใจเลือกปักหลักที่ประเทศไหนกันในเร็วๆ นี้

ที่มา-

https://www.bangkokbiznews.com/world/1099938