TCEB ในฐานะ Bid Agent ดึงงานใหญ่ๆ พร้อมเร่งเครื่องดึงงานขนาดใหญ่เข้าไทย

TCEB เตรียมดึงงานใหญ่เข้าไทย
TCEB ในฐานะ Bid Agent ดึงงานใหญ่ๆ พร้อมเร่งเครื่องดึงงานขนาดใหญ่เข้าไทย


TCEB ในฐานะ Bid Agent ดึงงานใหญ่ๆ เร่งเครื่องดึงงานใหญ่เข้าไทย เผยยังมีสิทธิ์ลุ้นจัดF1 เชื่อมั่นอีก 10 ปี ไทยเป็นศูนย์กลางของงานเฟสติวัล

TCEB  จัดเสวนาพิเศษหัวข้อ “MICE สร้างงาน สร้างเมือง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่สากล เปิดเวทีบอกเล่าแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์การจัดงาน อนาคตของไมซ์ทั้งด้านการสร้างงานและการสร้างรายได้เข้าประเทศจากการดึงงานใหญ่ๆ มาจัดในไทยและปัจจัยที่จะทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวไมซ์ พร้อมเผยไทยยังมีโอกาสได้เป็นเจ้าภาพงานแข่งรถ F1 ปี 2027 และด้วยความร่วมมือของภาครัฐและภาคเอกชนมั่นใจอีก 10 ปีข้างหน้า ไทยจะเป็นศูนย์กลางของการจัดเฟสติวัลอย่างแน่นอน โดยมีผู้ร่วมเสวนาได้แก่ นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณอยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB และนายวุฒิธร มิลินทจินดา ประธานบริษัท วู้ดดี้เวิลด์ จำกัด และคณะอนุกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ ‘ด้านเฟสติวัล ดำเนินรายการโดย ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร อยุธยา ผู้อำนวยการ TCEB กล่าวว่าองค์กรเป็นหน่วยงานพิเศษโดยภาครัฐ ก่อตั้งมาแล้ว 22 ปี หลังสถานการณ์โควิด ทิศทางการทำงานก็ปรับเปลี่ยนไป TCEB เล็งเห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อมมากกว่าการจัดประชุม เนื่องจากนักท่องเที่ยว MICE ไม่ได้มาประชุมอย่างเดียว แต่มีการใช้จ่ายรวมมากกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปถึง 3.5 เท่า รัฐบาลจึงเปลี่ยนบทบาทให้เป็น Bid Agentดึงงานใหญ่ๆ เข้ามาจัดในประเทศไทย 

TCEB จึงมองเรื่องแฟนเบส (Fanbase) ซึ่งมีความหลากหลายและมีรายละเอียดมาก เช่น งาน Money 20/20 มหกรรมเทคโนโลยีด้านการเงิน (FinTech) หรืองานประชุมทางการแพทย์สายต่างๆรวมถึงงานแข่งรถฟอร์มูลาวัน 2027 ซึ่งประเทศไทยยังมีโอกาสที่จะได้เป็นเจ้าภาพ หากได้จัดงานนี้ เราจะได้ถนนที่ดีมาก เกิดเป็น City Change มีการพัฒนาทักษะด้านต่างๆ มีการจ้างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านรายได้ พร้อมยกตัวอย่างค่าโรงแรมในช่วงที่สิงคโปร์จัดงาน F1ว่ามีราคาสูงกว่าปกติถึง 3 เท่า 

ขณะเดียวกัน TCEB งคงเดินหน้าขยายพื้นที่จัดงานเมกะอีเวนต์ในต่างจังหวัด ได้แก่ งาน Diamond of the Salt Festival ที่เพชรบุรี, งาน Korat Clay Craft Creation 2024 ที่นครราชสีมา รวมถึงมหกรรมพืชสวนโลก 2026 ที่อุดรธานี และ 2029 ที่นครราชสีมา

ขณะที่ วู้ดดี้วุฒิธร มิลินทจินดา ผู้ริเริ่มจัดงาน S2O เทศกาลดนตรีสาดน้ำช่วงสงกรานต์ ซึ่งถือเป็นอีเวนต์ต้นตำรับสัญชาติไทย จนต่อยอดเป็นงาน EDM Festival ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก เล่าถึงแรงบันดาลใจจากการไปเที่ยวงาน Tomorrowland เทศกาลดนตรีEDM ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วเลยคิดถึงความสนุกสนานของเทศกาลสงกรานต์ของไทยที่น่าจะไปด้วยกันได้กับเทศกาลดนตรี จึงเป็นที่มาของงาน S20 ที่สามารถดึงทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติมาร่วมงานเพิ่มขึ้นๆ ในทุกปี

เทรนด์ของงานเทศกาลจะเริ่มเป็นกลุ่ม Niche มากขึ้น

จากประสบการณ์ด้านการจัดงานเฟสติวัล วู้ดดี้กล่าวว่า”มองว่าเทรนด์ของงานจะเริ่มเป็นกลุ่ม Niche มากขึ้นคือเป็นกลุ่มที่มีความสนใจเฉพาะทาง เช่น กลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งปีนี้ประเทศไทยได้จัดเดินพาเหรดไปแล้วอย่างยิ่งใหญ่เมื่อเดือนมิถุนายน แต่ปีหน้าเราอาจจัด River Parade LGBTQ+ โดยใช้แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นโลเคชั่นในช่วงต้นเดือนตุลาคม โดยมีเป้าหมายคือกลุ่มนักท่องเที่ยว LGBTQ+ ชาวจีนที่จะได้เดินทางมาเฉลิมฉลองในช่วงวันหยุดยาวของจีน”

ในช่วงท้าย วู้ดดี้ยังกล่าวชื่นชมภาครัฐที่ให้การสนับสนุนผู้จัดงานในรายละเอียดด้านต่างๆ ขณะเดียวกันก็ฝากถึงคนทำงานด้านนี้ว่าถ้ามีความคิดสร้างสรรค์ มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างปรากฏการณ์อย่างจริงใจ สามารถอีเมลหาวู้ดดี้และทีเส็บได้เพื่อที่ทุกฝ่ายจะได้ร่วมกันสร้างคอนเทนต์ต่อไป และด้วยความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยที่สามารถจัดงานเฟสติวัลทั่วประเทศมามากกว่า 10,000 งานต่อปี เชื่อว่าอีก 10 ปี ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของงานเฟสติวัลอย่างแน่นอน ขณะที่ผู้อำนวยการ ทีเส็บ กล่าวทิ้งท้ายว่าพร้อมเดินหน้าสนับสนุนและทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ความยั่งยืน

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ททท.-TCEB ปลื้มไทยแชมป์จัดเทศกาลโลก คว้า 8 รางวัล IFEA