

ผู้ว่าฯ ททท. ลั่นปี’68 ประกาศให้โลกรู้ “ปีท่องเที่ยวไทย Unmissable Thailand Year2025” เดินหน้านำท่องเที่ยวครึ่งหลังปี’67 “ต่างประเทศ” รุกหนัก 4 ตลาดใหญ่ ตะวันออกกลาง-โอเชเนีย-จีน-อินเดีย “ในประเทศ” เร่งเครื่อง 4 โปรเจกต์ จัดเต็มรับ IGNITE Thailand 5 เรื่อง

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์ครึ่งปีหลังทำตลาดท่องเที่ยวเชิงรุกต่อเนื่องถึงปี 2568 เดินหน้าทำตามนโยบายรัฐบาลไทยประกาศให้โลกรู้โครงการใหญ่
“ปีท่องเที่ยวไทย 2568 :Unmissable Tourism Thailand Year 2025” ปีต้องห้ามพลาดมาเที่ยวเมืองไทย เมื่อมาแล้วก็จะประทับใจไม่รู้ลืม ระหว่างเดือนมิถุนายน-ธันวาคม นี้ ปูพรมบูรณาการร่วมกับพันธมิตรทุกเครือข่ายทั้งในประเทศและนานาชาติส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยให้ได้ตามเป้าหมาย 3.5 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น
“ตลาดต่างประเทศ” ช่วงนอกฤดูเดินทางโลว์ซีซัน มิถุนายน-กันยายน 2567 ลุยทำโปรโมชั่นร่วมกับสายการบิน ได้แก่ ตะวันออกกลาง และโอเชเนียทั้งออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ซึ่งมีจำนวนเติบโตแข็งแกร่ง และสาธารณรัฐประชาชนจีน กับอินเดีย เติบโตทั้งจำนวนและรายได้ทุกเดือน
“ตลาดในประเทศ” ร่วมกับพันธมิตรทุกมิติทั้งสายการบิน ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทางตรงและทางอ้อมเร่งการขาย 4 โครงการ ได้แก่
- โครงการที่ 1 “72 Must do it Thailand” ต้องทำทันทีที่เที่ยวเมืองไทยทั้ง 72 แห่ง ช่วงกรกฎาคม 2567 และกระตุ้นการเดินทาง 5 ภูมิภาคควบคู่ไปด้วย
- โครงการที่ 2 “การท่องเที่ยวตาม DNA” เพิ่มยอดนักท่องเที่ยวสายมูเตลู สายกิน สไตล์เคชั่น สไตล์โซเชียล นำวิธีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ให้เกิดความสนุกสนาน ตอบโจทย์ตลาดรุ่นใหม่ทั้งหมด
- โครงการที่ 3 Tourism Responsible Tourism Expo 2024 เตรียมจัดงานใหญ่ปลุกกระแสการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบทั้งประเทศ
- โครงการที่ 4 จัดมหกรรมท่องเที่ยว DNA Travel Fair ระหว่างกรกฎาคม-สิงหาคม 2567 จะสร้างความน่าตื่นเต้นผสมผสานนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ

ระดมเสน่ห์ไทย “ซอฟท์ พาวเวอร์” โดยมีแหล่งท่องเที่ยวสายกิน วัฒนธรรม ดีไซน์เส้นทางหรือแพกเกจการท่องเที่ยวตาม DNA ของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น เส้นทางสายมู สายศรัทธา และอื่น ๆ
ผู้ว่าฯ ฐาปนีย์ กล่าวว่า ได้เร่งทำโครงการตอบโจทย์ IGNITE THAILAND ตามนโยบายรัฐบาลไทยผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวภูมิภาค Tourism Hub ทำโจทย์ใหญ่ 5 เรื่อง ได้แก่
Tourism Hub
- เรื่องที่ 1 การสร้างประสบการณ์ที่ดีทุกย่างก้าว ททท.เตรียมจัดกิจกรรมแปลกใหม่ DNA แทรเวล เพิ่มมูลค่าด้วยเอกลักษณ์ พร้อมกับประยุกต์ใช้กับตลาดต่างประเทศ ททท.กำลังประชุมเวิร์คช้อปกับตำรวจท่องเที่ยวทำ “วัน สต็อป เซอร์วิส” และการเดินทางอย่างสะดวกราบรื่น Ease of travelling
ขยายผลทันทีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 มีมติขยายฟรีวีซ่าให้นักเดินทางทั่วโลกเพิ่มสูงสุดเป็น 93 ประเทศ จากเดิม 57 ประเทศ สามารถพำนักในไทยเป็น 60 วัน จาก 30 วัน/ครั้ง และประเทศที่จะได้รับ Visa on Arrival : VOA จะเพิ่มเป็น 31 ประเทศด้วย ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวก สร้างประสบการณ์เหนือระดับให้นักเดินทางทั่วโลกเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางมากขึ้น
- เรื่องที่ 2 เที่ยวเมืองไทยต้องทำ 5 สิ่งนี้ : Must Do in Thailand ททท.เตรียมพร้อมจัดครบทุกเครื่อง เช่น Must Beat จัดแสดงแม่ไม้มวยไทย 5 ภาค ระหว่างมิถุนายน-สิงหาคม 2567
ตามด้วย Must Eat ททท.จะจัด Amazing Thailand Taste กิจกรรมเทศกาลอาหารทั่วทุกภาคของประเทศ รวมทั้งเปิดตัว Michlin Guide เดือนพฤศจิกายน 2567 คือ มิชลิน พัทยา/ชลบุรี

Must Faith ความเชื่อและศรัทธา ร่วมกับสำนักพระพุทธศาสนา และกระทรวงวัฒนธรรม นำเสนอโบราณสถาน วัดไทย ควบคู่กับเส้นทางสายศรัทธา Must Buy ททท.เดินหน้าโปรโมทเส้นทางผ้าไทย ผ้าพื้นเมือง คอแรบกับดีไซเนอร์ชื่อดังต่างประเทศ มีลายผ้าได้รับความนิยม ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีสวมผ้าไทยไปประชุมทั่วโลกถือเป็นการนำเสนอผ่านอินฟลูเอนเซอณืชั้นนำได้เป็นอย่างดี
Must See มีโชว์กิจกรรม ประเพณี อัตลักษณ์ไทย และทำเป็น Global Event เช่น เดือนมิถุนายน นี้ สนับสนุนการจัด Pride Month ความหลากหลายทางเพศ ที่เชียงใหม่ กรุงเทพ พัทยา นครราชสีมา เกาะสมุย/สุราษฎร์ธานี
- เรื่องที่ 3 เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) เร็ว ๆ นี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกรทะรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมเปิดตัวเมืองน่าเที่ยวจะเริ่มพื้นที่แรก “ภาคเหนือ”
นำโดยเมืองหลักที่ “จังหวัดเชียงใหม่” เชื่อมโยงขายเมืองน่าเที่ยวรอบพื้นที่ เช่น เชียงราย ลำปาง ลำพูน แพร่ น่าน เปิดเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ ๆ
- เรื่องที่ 4 HUB of ASEAN ประเทศศูนย์กลางของอาเซียน โดยใช้ความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ประเทศไทย เชื่อมโยงโครงการการเดินทางครบวงจร ขณะนี้ “ทางบก” กระทรวงการการต่างประเทศ และหน่วยความมั่นคง
เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกการเปิดด่านผ่านแดน เช่น ทางอีสาน เปิดด่านเชื่อม สะหวันเขต สสป.ลาว เข้าสู่ด่านมุกดาหาร มาร้อยเอ็ด อุดรธานี หรือสะพานข้ามเวียงจันทน์/สปป.ลาว-หนองคาย/ประเทศไทย ต่อมายังอุบลราชธานี อุดรธานี และจังหวัดอื่น ๆ
ขณะนี้ ททท.ที่เกี่ยวข้องทุกสำนักงานได้จัดทำแผนการตลาดส่งเสริมการขายท่องเที่ยวเชื่อมโยงตามแนวรอยต่อกับเพื่อนบ้านไว้ตั้งแต่ปี 2566 มาจนถึงปัจจุบันกระแสตอบรับจากนักท่องเที่ยวนานาชาติดีขึ้นตามลำดับ
- เรื่องที่ 5 World Class Event Hub นำไทยเป็นศูนย์กลางงานอีเวนต์ระดับโลก จะมีทั้งสร้างสรรค์อีเวนต์เอง และนำอีเวนต์จากทั่วโลกเข้ามาจัดในไทย โดยนายกรัฐมนตรีจะประกาศ “ปีท่องเที่ยวไทย” ในปี 2568 โดยจะเพิ่มการโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวแม่น้ำ คลอง
ยกระดับสวนสาธารณะให้สอดคล้องกับการท่องเที่ยว การใช้ผลิตภัณฑ์ GI ทั้งสินค้าและอาหาร กับการท่องเที่ยวเชิงกีฬา โดยจะนำร่องเดือนตุลาคม 2567 จัด “หนีห่าว Month” เพราะถือเป็นปีครบรอบ 50 ปี การท่องเที่ยวไทย-จีน แล้วยังจะมีงาน Rolling Loud Thailand 2024 เป็นกิจกรรมดนตรีนานาชาติขนาดใหญ่ จัดระหว่าง 22-24 พฤศจิกายน นี้ ที่ เลเจนด์ สยาม พัทยา รวมทั้งจะจัด Siam Art Festival 2024 ครั้งแรก บริเวณรอบพื้นที่สยาม และจัดเทศกาลลอยกระทง จะยิ่งใหญ่ทัดเทียมสงกรานต์
เดือนพฤศจิกายน 2567 จะจัด “วิจิตร เจ้าพระยา” แสง สี เสียง อิลลูมิเนชั่นผ่านสายน้ำเจ้าพระยา ที่คนไทยและต่างชาติรอคอย และจัด มิชลิน ฟู้ด เฟสติวัล เชียงใหม่ เป็นครั้งแรกแบบจัดเต็มในไทย
เดือนธันวาคม 2567 จะจัดยิ่งใหญ่ Amazing Thailand Marathon 2024 โดยได้ “เอเลียด คิปโชเก” นักวิ่งมาราธอนผู้สร้างตำนานทำสถิติโลกเมื่อปี 2565 จะมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์งานวิ่งรายการนี้ในเมืองไทย
-เรื่องโดย #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ททท. ผนึก GMS หนุนไทยฮับปี’68 ดึงทั่วโลกทัวร์ 95 ล้านคน