![SGC เอสจีซี แคปปิตอล](https://mls8fhlsbb8r.i.optimole.com/cb:zWWv.13fd/w:696/h:391/q:mauto/ig:avif/https://thejournalistclub.com/wp-content/uploads/2024/07/ส่องอนาคต-ทุเรียนไทย-13.jpeg)
“เอสจี แคปปิตอล (SGC)” เปิดแผนครึ่งปีแรกมียอดปล่อยแล้วกว่า 30,000สัญญาชูสินเชื่อสมาร์ทโฟน “SG Finance+” เป็นเรือธงสำคัญในการโต ล่าสุดประกาศเปิดตัวพันธมิตรใหม่ จับมือ แบรนด์ Realme เข้ามาร่วมบุกตลาดสินเชื่อสมาร์ทโฟนในไทย Kick off 1 ก.ค. เป็นต้นไป
ทั้งนี้หลังจากผนึก Oppo – Vivo – Xiaomi ตอบโจทย์ลูกค้าทั่วประเทศ สินเชื่อ SG Finance+ ในงวดครึ่งแรกปี 67 มียอดปล่อยแล้วกว่า 30,000สัญญา ยอดสินเชื่อรวมกว่า 280 ล้านบาท พร้อมคุมเสี่ยง NPL อยู่ในระดับต่ำ ด้วยเทคโนโลยีLocked Phone มองครึ่งปีหลังไฮซีซั่นธุรกิจมือถือ พร้อมฟีเจอร์ AI หนุนความต้องการ SG Finance+ พุ่งต่อเนื่อง รวมทั้ง การขยายพาร์ทเนอร์ร้านค้าเพิ่มช่องทางการโต จึงมั่นใจ เดินหน้าเทิร์นอะราวด์ตามที่วางไว้
![SGC Capital](https://mls8fhlsbb8r.i.optimole.com/cb:zWWv.13fd/w:1100/h:733/q:mauto/ig:avif/https://thejournalistclub.com/wp-content/uploads/2024/07/IMG_1632.jpeg)
นายอโณทัย ศรีเตียเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือSGCเปิดเผยว่าSGC เผยภาพรวมธุรกิจครึ่งปีแรกเดินหน้าตามแผนSGC เข้าสู่ช่วงเทิร์นอะราวด์ และเป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้ จากการมุ่งเน้นธุรกิจที่ให้ดอกเบี้ยรับสูงขึ้น การควบคุมความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ การเรียกเก็บเงิน การควบคุมต้นทุน
สะท้อนมาที่พอร์ตสินเชื่อใหม่เติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยโฟกัสสินเชื่อ “เอสจี ไฟแนนซ์พลัส (SG Finance+)” ภายใต้แคมเปญ Locked Phone มองว่าจะเป็น Turning Point ของSGC เนื่องจากแผนการปล่อยสินเชื่อเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
โดยตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบผ่านร้านมือถือชั้นนำทั่วประเทศ (Nationwide) ไปเมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากพาร์ทเนอร์แบรนด์มือถือ และดีลเลอร์ร้านค้าชั้นนำจำนวนมาก
โดยในเดือนมิถุนายน SG Finance+ปล่อยสินเชื่อได้กว่า 18,000 สัญญา และมียอดสินเชื่อรวมกว่า 168 ล้านบาท สนับสนุนครึ่งปีแรกปล่อยสินเชื่อได้กว่า 30,000 สัญญา และมียอดสินเชื่อรวมกว่า 280 ล้านบาท ผ่านร้านค้าพันธมิตรครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 2,900 แห่ง ซึ่งคาดการณ์จะเติบโตแตะ 5,000 แห่งภายในสิ้นปี 67
ครึ่งปีหลัง จับมือพันธมิตร 4 แบรนด์มือถือชั้นนำ
ไฮไลท์ในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ได้จับมือพันธมิตรแบรนด์มือถือชั้นนำเพิ่มเติม ในแบรนด์ Realme สนับสนุนให้ในเดือนกรกฎาคม 67 จะมีแบรนด์มือถือที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 4 แบรนด์ ได้แก่ Oppo, Vivo, Xiaomi และ Realme ซึ่งถือเป็นยักษ์ใหญ่ที่มีมาร์เก็ตแชร์ตลาดสมาร์ทโฟนในไทยรวมกันประมาณ 55%
ทั้งนี้เป็นเพิ่มโอกาสการเติบโตรับแนวโน้มครึ่งปีหลังมีดีมานด์จากการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยี AI เข้ามากระตุ้นกำลังซื้อ และความต้องการเปลี่ยนอุปกรณ์ให้เร็วขึ้นกว่าเดิมสนับสนุนความต้องการสินเชื่อ SG Finance+ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก
ยอดปล่อยสินเชื่อจาก SG Finance+ คาดว่าจะเป็นไปตามแผน
ยอดปล่อยสินเชื่อจากSG Finance+คาดว่าจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ภายใต้นโยบายการปล่อยสินเชื่อที่รัดกุม โดยพิจารณาความเสี่ยงทางด้านเครดิตของลูกค้า และวงเงินกู้ตามความสามารถในการผ่อนของลูกค้า เพื่อให้สอดคล้องตามนโยบายของภาครัฐ
โดยบริษัทมีแผนลดการปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (C4C) ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ย EIR ต่ำ และมีการแข่งขันสูงกว่า อีกทั้งมีระยะเวลาการปล่อยสินเชื่อประมาณ 4-5 ปี ส่วนสินเชื่อ SG Finance+ ที่นำเข้ามาบุกตลาดในปีนี้ มีอัตราดอกเบี้ย EIR สูงกว่า มีระยะเวลาการปล่อยสินเชื่อเพียง 1-2 ปี สะท้อนรายได้ดอกเบี้ยรับมากกว่าเท่าตัว
และเงินสดกลับเข้ามาที่บริษัทฯ เร็วขึ้น พร้อมกับการพิจารณาอนุมัติเฉพาะลูกค้าที่มีประวัติดี จึงมองเป็นโอกาสในการเติบโต สนับสนุนเป้าหมายในปี 67 ผลงานจะพลิกกลับมาเป็นบวก ด้วยคุณภาพ NPL อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง
บอร์ด SGC ไฟเขียวแผนเพิ่มทุนขาย RO สัดส่วน 1:1
ทั้งนี้ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (SGC) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 5,232 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 3,270 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 8,502 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 5,232 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท
โดยจะเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) จำนวนหุ้นที่จัดสรร (หุ้น) 3,270ล้านหุ้น ในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยราคาเสนอขายจะเป็นราคาที่มีส่วนลดไม่เกิน 15% ของราคาตลาด ณ วันกำหนดราคาเสนอขาย
จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 654 ล้านหุ้น
รวมทั้ง จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 654 ล้านหุ้น รองรับการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ครั้งที่ 1 (SGC-W1) ซึ่งจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (ก่อนการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้) และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,308 ล้านหุ้น รองรับการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ครั้งที่ 2 (SGC-W2) ซึ่งจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน
ทั้งนี้ การออกและเสนอขายSGC-W1 จำนวนไม่เกิน 654 ล้านหน่วย โดยไม่คิดมูลค่าการเสนอขาย ในอัตราส่วน 5 หุ้นสามัญเดิม (ไม่รวมหุ้นเพิ่มทุนที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่) ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิSGC-W1 กำหนดอัตราการใช้สิทธิของSGC-W1 1 หน่วย ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญ มีอายุ 1 ปี โดยราคาใช้สิทธิแปลงสภาพจะเป็นราคาที่มีส่วนลด 10% ของราคาตลาด ณ วันกำหนดราคาใช้สิทธิแปลงสภาพ
เสนอขาย SGC-W2 จำนวนไม่เกิน 1,308 ล้านหน่วย
อีกทั้ง การออกและเสนอขายSGC-W2 จำนวนไม่เกิน 1,308 ล้านหน่วย โดยไม่คิดมูลค่าการเสนอขาย ในอัตราส่วน 2.5 หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จองซื้อและได้รับการจัดสรร ต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิกำหนดอัตราการใช้สิทธิของSGC-W2 1 หน่วย ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญ มีอายุ 3 ปีโดยราคาใช้สิทธิแปลงสภาพจะเป็นราคาที่มีส่วนเพิ่ม 10% ของราคาตลาด ณ วันกำหนดราคาใช้สิทธิแปลงสภาพ
สำหรับวัตถุประสงค์การเพิ่มทุนครั้งนี้SGC มีแผนจะนำเงินที่ได้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการและขยายธุรกิจในอนาคต และใช้ชำระหนี้ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SINGER ซึ่งเป็นบริษัทแม่ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน และรองรับโอกาสการขยายธุรกิจในอนาคต อย่างไรก็ดี สิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนยังมีความไม่แน่นอนเนื่องจากต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/67 กำหนดจัดในวันที่ 7 สิงหาคม 67นี้ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :