SCGD เจาะกลยุทธ์เร่งแผนสร้างการเติบโต 2 เท่าให้ได้ภายใน 5 ปี

SCGD สร้างความเติบโต 2 เท่า ภายในปี 2030
นำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD


บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCG Decor (SCGD) ผู้นำธุรกิจตกแต่งพื้นผิว และสุขภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน เจาะกลยุทธ์เร่งแผนสร้างการเติบโต 2 เท่าให้ได้ภายใน 5 ปี คาดการณ์ตลาดไทย-อาเซียนฟื้นตัวระยะสั้น ล่าสุด เริ่มเดินการผลิตที่โรงงานแผ่นปูพื้น SPC LT by COTTO รายแรกและรายเดียวในไทย ชูจุดแข็งด้านซัพพลายเชนและนวัตกรรมรักษ์โลก เริ่มสตาร์ทเครื่องกำลังการผลิต 1.8 ล้านตารางเมตรต่อปี ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดกว่า 500 ล้านบาท

นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD เปิดเผยความคืบหน้าของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตเติบโต 2 เท่า ตามเป้าหมายภายในปี 2030 ว่า แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศไทยและแต่ละประเทศมีการขยายตัวไม่เป็นไปตามอัตราที่คาดการณ์ไว้ แต่บริษัทฯ ยังคงสามารถเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้านต้นทุนจากการผนึกกำลังทุกบริษัทภายในกลุ่มธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง

โดยอยู่ในระหว่างการเตรียมความพร้อมในการขยายธุรกิจสุขภัณฑ์ทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน เช่นเดียวกับการขยายธุรกิจวัสดุปิดผิวและตกแต่ง และสินค้านวัตกรรมหลากหลายประเภทในกลุ่ม Decor Surface Materials บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเจรจาความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจหลายราย ควบคู่ไปกับการศึกษาลงทุนโครงการต่างๆ

ตามแผนจะเร่งสร้างการเติบโต 2 เท่า หรือ 58,000 ล้านบาทภายใน 5 ปี

SCGD โครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจาประมาณ 5-6 โครงการ เป็นโครงการในประเทศ 1-2 โครงการ
โครงการของ SCGD

ปัจจุบัน มีโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจาประมาณ 5-6 โครงการ เป็นโครงการในประเทศ 1-2 โครงการ ส่วนที่เหลือเป็นโครงการร่วมลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งจะเริ่มทยอยประกาศรายละเอียดและเปิดเผยต่อไปตามขั้นตอนภายในปีนี้ เมื่อมีความชัดเจนมากขึ้น หากการเจรจาเป็นไปตามแผนในภาพรวมจะสามารถเร่งสร้างการเติบโต 2 เท่า หรือ 58,000 ล้านบาทได้ภายใน 5 ปี

ในส่วนของการเติบโตตามความต้องการของตลาด บริษัทฯ มีการลงทุนในโครงการที่สอดคล้องกับกลยุทธ์สำคัญมาโดยตลอด โดยมีโครงการที่อยู่ในระหว่างเดินเครื่องทดสอบการผลิตในเดือนกรกฎาคม คือ โรงงานแผ่นปูพื้น SPC LT by COTTO ภายใต้งบลงทุน 138 ล้านบาท มีกำลังการผลิต 1.8 ล้านตารางเมตรต่อปี คาดว่าจะสามารถผลิตแผ่นปูพื้น SPC ป้อนตลาดในประเทศได้หลังจากนั้น

คาดเพิ่มส่วนแบ่งจากตลาดแผ่นปูพื้นไวนิลระดับบน ในไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย มีมูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท

SCGD วางแผนกลยุทธ์
ผลิตภัณฑ์ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน)

SCGD เป็นบริษัทแรกและบริษัทเดียวที่มีสายการผลิตแผ่นปูพื้นและตกแต่งผนัง SPC ในประเทศไทยเป็นของตนเอง ตนเอง ผ่านการดำเนินการของบริษัท SCG Ceramics หรือ COTTO ทำให้เรามีข้อได้เปรียบในเรื่องของการบริหารจัดการซัพพลายเชน ช่วยลดระยะเวลาการรอสินค้าให้สั้นลง และลดค่าขนส่งระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ยังสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและควบคุมคุณภาพสินค้าได้ดีกว่า สอดคล้องกับกลยุทธ์การสร้างรายได้และเติบโตจากการขยายธุรกิจวัสดุปิดผิวและตกแต่งประเภทใหม่ ๆ โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะผลักดันยอดขาย ด้วยการโปรโมทสินค้าภายใต้แบรนด์ COTTO ที่มีบริการติดตั้งครบวงจรจากทีมช่างคุณภาพ

และขยายตลาดไปยังช่องทางอื่นนอกเหนือจากงานโครงการ B2B เช่น ขยายช่องทางไปยัง B2C ที่เป็นค้าปลีกมากขึ้น ผ่านเครือข่ายร้านผู้แทนจำหน่ายที่เรามีทั้งหมด คาดว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งจากตลาดแผ่นปูพื้นไวนิลระดับบน หรือ SPC/LVT ทั้งในประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ที่มีมูลค่ารวมประมาณ 8,000 ล้านบาท” นายนำพล กล่าว

ในด้านของกระบวนการผลิตแผ่นปูพื้นและตกแต่งผนัง SPC จาก LT by COTTO บริษัทฯ ได้นำประสบการณ์และเทคโนโลยีการผลิตมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการติดตั้งระบบดูดกลิ่น (Air purifier) ระบบดักจับฝุ่น (Dust collector) ที่เกิดจากกระบวนการผลิต รีไซเคิลของเสียที่เกิดจากกระบวนกระบวนการรีด (Extrusion) กระบวนการตัด และการเซาะร่อง (Cutting and Slotting) นอกจากนี้ SPC เป็นสินค้าประเภทไม่ผ่านการเผา ไม่มีการใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติ จึงไม่ปล่อย CO2 เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ

รอตลาดอาเซียนฟื้นตัว

SCGD เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์
SCGD เร่งผลักดันวัสดุตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์กลุ่มนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม

“ปัจจุบันสินค้านวัตกรรมและสินค้ารักษ์โลกของ SCGD ส่วนใหญ่ยังขายอยู่ในประเทศไทยเป็นหลัก และยังมีโอกาสอีกมากที่จะนำสินค้าเหล่านี้รุกเข้าไปทำการตลาดในอาเซียน แต่ในสถานการณ์ที่ยังคงรอตลาดฟื้นตัว สิ่งที่เราดำเนินการ คือ ปรับแผนการดำเนินธุรกิจให้เหมาะกับสถานการณ์ตลาดในแต่ละประเทศ

โดยมุ่งเน้นการลดต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ที่สำคัญ บริษัทฯ ยังได้เร่งเจรจากับกลุ่มพันธมิตร เพื่อให้มีความคืบหน้าในเรื่องการร่วมลงทุนขยายธุรกิจสุขภัณฑ์ ธุรกิจวัสดุปิดผิวและวัสดุตกแต่งหลากหลายประเภท ทั้งนี้ หากตลาดอาเซียนพลิกฟื้นในระยะสั้นก็จะยิ่งส่งผลดีต่อการเจรจาโครงการความร่วมมือต่าง ๆ และจะช่วยหนุนเร่งสร้างการเติบโต 2 เท่าให้เป็นไปตามแผนงานภายใน 5 ปี ได้” นายนำพล กล่าวสรุป

บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ‘SCG Decor’ ส่ง ‘COTTO’ ผนึกกำลังพาร์ทเนอร์เปิดตัวร้านค้าปลีกรูปแบบใหม่ในกัมพูชา