

ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KMUTT) และเจเนเรชั่นประเทศไทย (Generation Thailand) ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อร่วมกันพัฒนากำลังคนสายดิจิทัลในโครงการ 1 ล้านการเรียนรู้ 1 ล้านโอกาส เปิดประตูสู่อนาคตที่ยั่งยืนเน้นการฝึกอบรมพัฒนาทักษะและเตรียมบุคลากรด้านดิจิทัลเพื่อตอบสนองความต้องการของภาคธนาคารและภาคธุรกิจ
นายวรวัจน์ สุวคนธ์ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานทรัพยากรบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์กล่าวว่า ธนาคารเล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีและบุคลากรที่มีคุณภาพ ตลอดจนส่งเสริม และสนับสนุนในการพัฒนากำลังคน นำองค์ความรู้และทักษะไปประยุกต์ใช้ในการทำงาน
เพื่อ เตรียมพร้อมรับการ เปลี่ยนเปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดย ปัจจุบันจากการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว จาก Digital Disruption เป็นเหตุ ให้ธนาคารไทยพาณิชย์ จำเป็นต้องเร่งปรับตัวลงทุน ด้านการพัฒนาเรื่องดิจิทัลเทคโนโลยี

ดังนั้น ธนาคาร มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาส จับมือกับ สำนักเคเอกซ์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และ เจเนเรชั่น ประเทศไทย ผ่านโครงการ 1 ล้านการเรียนรู้ 1ล้านโอกาส เปิด ประตูสู่อนาคต ที่ยั่งยืนในครั้งนี้ นับเป็น ก้าวสำคัญ ในการขับเคลื่อน การพัฒนากำลังคน ด้านดิจิทัล ซึ่ง ไม่เพียงแค่การสร้างโอกาสการจ้างงาน
รวมถึงพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อยอดให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ แต่ยัง เป็นการร่วมกันผลักดัน พัฒนา และ ผลิตกำลังคนในสายงานดิจิทัลให้กับประเทศไทย ซึ่งเป็นปัจจัย สำคัญต่อการยกระดับศักยภาพภาคธนาคาร และ ภาคธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม
เสริมสร้างทักษะที่จำเป็นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงาน
รศ.ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี ประธานคณะกรรมการอำนวยการสำนักเคเอกซ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า สำนักเคเอกซ์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรียินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาสให้กับนักศึกษาและบุคลากรทั่วไปในการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง กับการพัฒนาความรู้ และทักษะด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อ เตรียมบุคลากรที่มีคุณภาพให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง และความท้าทายที่เกิดขึ้นในยุคดิจิทัล ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญที่เราจะได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญและวิสัยทัศน์เดียวกันในการพัฒนาบุคลากรโครงการ “1 ล้านการเรียนรู้ 1 ล้านโอกาส เปิดประตูสู่อนาคตที่ยั่งยืน” ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการฝึกอบรมบุคลากรในสายดิจิทัล แต่ยังเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นเพื่อให้พวกเขาสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงาน โดยเฉพาะในภาคธนาคารและภาคธุรกิจที่ต้องการบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ เช่นผู้เชี่ยวชาญในการทดสอบและประกันคุณภาพซอฟต์แวร์ (QA Tester)เป็นต้น
มีหลักสูตรอาชีพในสาขาดิจิทัล อีกกว่า 10 หลักสูตร
นางสาวปุณยนุช พัธโนทัยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร องค์กรเจเนเรชั่น ประเทศไทยกล่าวว่า Generation Thailand มุ่งมั่นที่จะพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจและธนาคาร เพื่อให้ผู้เรียนที่มีอุปสรรคในการเข้าถึงงาน สามารถนำความรู้และทักษะที่ได้ปรับไปใช้ในการทำงานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะโจทย์ของเราในทุกประเทศ คือ การปิดช่องว่างการศึกษาไปสู่การจ้างงาน เป็นเรื่องที่ท้าทาย
การมีพาร์ทเนอร์ที่มีพันธกิจเดียวกันจึงสำคัญมาก ด้วยประสบการณ์การทำงานกับร่วมกับองค์กร Employer Partner ทั่วโลกอีก 12,000 แห่ง และผู้เรียนที่ผ่านโครงการกว่า 100,000 คน ใน 18 ประเทศ ความร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ และสำนักเคเอกซ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในครั้งนี้ จะช่วยทำให้อัตราความสำเร็จในการจ้างงานเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม
นอกเหนือจากหลักสูตร QA แล้ว Generation ยังมีหลักสูตรอาชีพในสาขาดิจิทัล อีกกว่า 10 หลักสูตร ที่ทุกภาคส่วนสามารถเข้ามาศึกษา วิเคราะห์ พัฒนาคนให้ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรอื่น ๆ ในประเทศ ได้อีกด้วย
ทั้งนี้โครงการ 1 ล้านการเรียนรู้ 1 ล้านโอกาส เปิดประตูสู่อนาคตที่ยั่งยืนเป็นโครงการพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ ส่งเสริมการเรียนรู้ และสร้างโอกาสการจ้างงานผ่านการพัฒนาคนและธุรกิจด้วยนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาการว่างงาน และปัญหาขาดแคลนกำลังคนด้านดิจิทัล จับกลุ่มนักศึกษาชั้นปีสุดท้าย บัณฑิตจบใหม่ หรือคนที่กำลังเข้าสู่ตลาดแรงงานและคนวัยทำงาน
เพื่อพัฒนาให้ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น หลักสูตร Junior Software Developer (JSD) โดยตั้งเป้าหมายว่าจะสร้างนักพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ได้ 1,000 คนภายในระยะเวลา 3 ปี หรือ CapLab: 7 Step Model Bootcamp ช่วยให้ครูอาจารย์หรือผู้ที่ทำงานด้านพัฒนาคนสามารถออกแบบหลักสูตรพัฒนาให้ตรงตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรม
โดยโครงการ 1 ล้านการเรียนรู้ 1 ล้านโอกาส เปิดประตูสู่อนาคตที่ยั่งยืน จะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 3 ของปี 2567 เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการในตลาดแรงงานที่เพิ่มมากขึ้นพร้อมเป็นฟันเฟืองสำคัญสู่อาชีพในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : SCB WEALTH แนะลงทุนในกองทุน รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี