โฆษกอัยการสูงสุดระบุแจ้งข้อกล่าวหาคดีม.112ให้ “ทักษิณ” ทราบแล้ว เมื่อ 17 ม.ค.2567 ที่ผ่านมา เผย ทักษิณยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม
- คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของ สำนักงานคดีกิจการอัยการสูงสุด
- ในการตรวจพิจารณาและเสนอความเห็นเบื้องต้นให้อัยการสูงสุด
- เพื่อพิจารณาความเห็น และมีคำสั่งทางคดีต่อไป
โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดแถลงข่าวระบุว่า ความคืบหน้าคดีนายทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2559 สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนคดี การกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร จากพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีนายทักษิณ เป็นผู้ต้องหา ในข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ใดๆอันเป็นเท็จ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 กรุงโซล เกาหลีใต้
เป็นความผิดตามกฎหมายไทยที่กระทำนอกราชอาณาจักร จึงเป็นคดีของอัยการสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดี ได้ตรวจพิจารณาและมีความเห็นทางคดีแล้วเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2559 ควรสั่งฟ้องนายทักษิณตามข้อกล่าวหาที่พนักงานสอบสวนเสนอมา
แต่ขณะนั้นผู้ต้องหาหลบหนี อัยการสูงสุดขณะนั้นจึงแจ้งพนักงานสอบสวนดำเนินการออกหมายจับ ต่อมาพนักงานสอบสวนมีคำขอต่อศาลอาญา และศาลอาญาได้ออกหมายจับ อายุความ 15 ปีนับแต่วันเกิดเหตุ จะขาดอายุความในวันที่ 21 พฤษภาคม 2573
ต่อมาวันที่ 22 สิงหาคม 2566 นายทักษิณเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย และถูกควบคุมเพื่อรับโทษในคดีอาญาอื่น พนักงานสอบสวนได้นำหมายจับไปแจ้งอายัดตัวผู้ต้องหากับกรมราชทัณฑ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อมาคดีนี้ วันที่ 17 มกราคม 2567 นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน และคณะ ได้ร่วมกับพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติผู้รับผิดชอบคดี เข้าแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมพฤติการณ์ทางคดีให้กับนายทักษิณ ทราบแล้ว
ปรากฎว่าผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ พร้อมกับยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการสูงสุด ต่อมาอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนได้ส่งบันทึกคำให้การสอบสวนของนายทักษิณ พร้อมหนังสือขอความเป็นธรรม ให้พนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดีนี้ เพื่อรวบรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการสำนวนการสอบสวนส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณา
สำนวนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ สำนักงานคดีกิจการอัยการสูงสุดในการตรวจพิจารณาและเสนอความเห็นเบื้องต้นให้อัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาความเห็น และมีคำสั่งทางคดีต่อไป
ทั้งนี้ถ้าไม่มีประเด็นสอบสวนเพิ่มเติมก็จะไม่มีความล่าช้าทางคดี
นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า กรณีการพิจารณาพักโทษนายทักษิณนั้น ทางกรมราชทัณฑ์ยังไม่มีคำสั่ง แต่พนักงานสอบสวนได้อายัดและราชทัณฑ์ได้ตอบรับการอายัดตัวนายทักษิณไว้แล้ว เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2566 ผลของการอายัดตัวจะมีผลให้คดีนี้ ถ้ามีการพักโทษทางเรือนจำจะต้องแจ้งไปยังพนักงานสอบสวนให้มารับตัวนายทักษิณ เพราะมีการแจ้งอายัดไว้ในคดีความผิดมาตรา 112 พนักงานสอบสวนจะต้องไปรับตัวนายทักษิณ มาดำเนินการควบคุม
การควบคุมของพนักงานสอบสวน เป็นอำนาจและดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนว่าจะปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นพนักงานสอบสวนหรือนำตัวไปคุมขังโดยใช้อำนาจศาล เรียกว่าฝากขัง เมื่อพนักงานสอบสวนดำเนินการแล้วจะแจ้งพนักงานอัยการว่าขณะนี้ ตัวนายทักษิณ ในความผิดมาตรา112 ได้ควบคุมตัวอย่างไร
ด้านนายณรงค์ ศรีระสันต์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดกล่าวว่า “ คดีของนายทักษิณจะแบ่งเป็น 2 กรณีคือ ในวันที่จะพักโทษ ก่อนวันพักโทษ ราชทัณฑ์จะแจ้งล่วงหน้าไปยังพนักงานสอบสวนที่อายัดไว้ ประมาณ 1 สัปดาห์ ว่าพนักงานสอบสวนยังประสงค์จะรับตัวนายทักษิณหรือไม่ เพราะจะได้รับการพักโทษในวันที่เท่านี้ หากประสงค์จะมารับตัวก็รับตัวไป ถ้าพนักงานสอบสวนมารับตัว ก็แสดงว่าคดีที่ได้รับการพักโทษนั้น เราไม่สามารถไปฟ้องเบิกตัวจากคดีนั้นแล้ว ต้องไปเริ่มต้นคดีที่พนักงานสอบสวนรับตัวมาใหม่ ส่วนจะนำตัวไปควบคุม หรือให้ประกันตัว ก็อยู่ที่สำนวนใหม่แล้ว
อีกกรณีคือ การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น หรือพนักงานสอบสวนไม่มารับตัวนายทักษิณ นายทักษิณก็จะได้รับการปล่อยตัวในวันพักโทษ ได้กลับบ้าน หรือไปอยู่ในสถานที่ที่ราชทัณฑ์กำหนด คดีนั้นจะไม่สามารถฟ้องเบิกตัวจากคดีเก่าได้แล้ว เพราะถือว่าได้พ้นโทษจากการพักโทษไป แต่ตัวนายทักษิณต้องไปรายงานตัวต่อกรมคุมประพฤติตามกฎหมายคุมประพฤติ ถ้าพนักงานสอบสวนได้รับคำสั่งจากอัยการว่า คดีนี้พนักงานอัยการมีคำสั่งแล้วและยังประสงค์ให้พนักงานสอบสวนส่งตัว พนักงานอัยการก็จะแจ้งคำสั่งไปยังพนักงานสอบสวนนำตัวมาส่งอัยการ พนักงานสอบสวนก็ต้องไปดำเนินการอาจประสานกับกรมคุมประพฤติ วันไหนไปรายงานตัวก็นำตัวมาส่งมอบ ถ้าไม่มา หลบหนี พนักงานสอบสวนก็ต้องออกหมายจับ ตามกฎหมายต่อไป