เศรษฐา โต้กลับฝ่ายค้านเป็นแมลงหวี่ จ้องแต่เล่นการเมือง หลังถูกเปรียบเดินทางไปต่างประเทศเป็นแมลงวันไม่ใช่เหยี่ยว ชี้อีก 2 ปีจะเกิดการลงทุนในไทยอย่างมหาศาล ระดับ“สึนามิแห่งการลงทุน” แจงไปชวนนักลงทุนกับการบอกว่าเศรษฐกิจไทยวิกฤตเป็นคนละเรื่องกัน
วันนี้ (3 เมษายน 2567) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าว ชี้แจงในสภา กรณีถูกนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.ปชป อภิปราย ระบุว่ารัฐบาลทำแต่การตลาด มีแต่อีเวนต์ การเดินทางไปต่างประเทศ บินไปทำการตลาดหรือไปทำตลก อยู่ไทยบอกเศรษฐกิจวิกฤต แต่ไปต่างประเทศชวนนักลงทุนมาลงทุน ปิดการขายได้บ้างหรือยัง ควรเป็นเหยี่ยวมากกว่าแมลงวันบินไปมาว่า ทุกครั้งที่เดินทางไปต่างประเทศ เพื่อเปิดโอกาสและสร้างการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมั่นใจว่าผลของการกระตุ้นทางเศรษฐกิจจะตามมา
“ไม่มีหรอกนายกฯ ที่บินเหมือนแมลงวัน ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากเห็นฝ่ายค้านเป็นแมลงหวี่ ซึ่งค่อยจะจ้องเล่นแต่การเมือง ทั้งที่รัฐบาลกำลังพยายามเดินหน้าอย่างเต็มที่ ขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ เพื่อเป็นประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน” นายเศรษฐากล่าว
ส่วนในเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชัน รัฐบาลมั่นใจว่าไม่มีเรื่องดังกล่าว ถ้ามีก็อย่างที่ทางท่านสมาชิกชี้แจงว่าให้นำข้อมูล นำหลักฐานมา ยินดีที่จะโต้แย้งให้ความกระจ่างได้ ยืนยันรัฐบาลพร้อมที่จะทำงานเพื่อประชาชนต่อไป ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเรื่องของการลงทุน ได้ให้ประธานผู้แทนการค้าไทยและเลขาธิการบีโอไอ ชี้แจงผลสำเร็จอย่างชัดเจนไปแล้ว และจะติดตามงานต่อไป
ตัวเลขที่ชัดเจนในไตรมาสที่ 4 ตั้งแต่ที่เข้ามารับตำแหน่งนายกฯ ได้เดินทางโปรโมทประเทศ มีประเทศที่แสดงเจตจำนงในการเข้ามาลงทุนประเทศไทย มีเม็ดเงินเพิ่มมากขึ้น 2.5 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปีก่อน ซึ่งส่วนนี้เป็นตัวเลขที่ชัดเจนพิสูจน์ได้ ตัวเลขเงินลงทุน 558,000 ล้านบาท ที่สมาชิกฯ มีความสงสัย เป็นตัวเลขที่ยื่นแผนเข้ามาแล้ว แต่เป็นตัวเลขที่จริง และยังมีอีกหลายบริษัทที่กำลังเข้ามาพูดคุย มีการพูดถึงตัวเลขที่จริง ไม่ใช่แค่เป็นตัวเลขที่จับต้องไม่ได้ ขอให้อดใจ เพราะเชื่อว่าอีก 2 ปีข้างหน้าจะเห็นเงินลงทุนเข้ามาในประเทศไทยอย่างมหาศาล ขอใช้คำเรียกว่า “สึนามิแห่งการลงทุน”
ส่วนเรื่องที่บอกว่านายกฯ ไปขายการลงทุน แต่บอกว่าประเทศวิกฤตนั้น คิดว่าเรื่องที่รัฐบาลไปโฆษณาประเทศกับเรื่องที่เศรษฐกิจวิกฤตนั้นเป็นคนละเรื่องกัน เรื่องวิกฤตหรือไม่วิกฤตนั้น เป็นเรื่องของการโต้เถียงกัน แต่ว่าเรื่องหนึ่งที่เราไม่ต้องโต้เถียงกันคือเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจ