“ภูมิธรรม”ประกาศ จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เข้าสู่ครม.แน่วันนี้(13ก.ย.)

“ภูมิธรรม”ประกาศ ในการแถลงนโยบายรัฐบาล ยืนยันจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เข้าสู่ครม.แน่วันนี้(13ก.ย.)จะทำให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีความเป็นประชาธิปไตยให้มากขึ้น

  • รัฐบาลนี้ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
  • ยึดแนวทางให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้เข้าไปมีส่วนร่วม

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงในการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา วันที่ 12 กันยายน 2566 เกี่ยวนโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นว่า ในความเป็นจริงหากเราจัดการในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่รอบคอบและคิดไม่รอบด้านอาจเป็นชนวนขัดแย้งใหม่เกิดขึ้นมา และเป็นปัญหาสำหรับประเทศชาติมากขึ้น

ในการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาบางท่านอาจมีความกังวลใจมากเกินไป มองสิ่งที่รัฐบาลจะทำเสมือนกับเป็นผู้ร้ายที่อยากจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของประชาชน แม้รัฐบาลนี้จะเป็นรัฐบาลที่มีพรรคร่วม 11 พรรค แต่ก็เป็นการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลที่มีเป้าหมายร่วมกันในการพยายามหนีออกจากความขัดแย้งให้ได้ ความตั้งใจนี้ของรัฐบาลจึงไม่ได้เป็นอย่างที่มีการพยายามกล่าวหา

ปัญหาความขัดแย้งในสังคมเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นหากไม่ขัดแย้งมากเช่นนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาประสบความสำเร็จไปแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่สะท้อนได้ชัดเจนก็คือขัดแย้งกันหลายเรื่องแล้วจะบานปลายไปหมด รัฐบาลนี้ไม่ลืมว่าได้พูดอะไรกับพี่น้องประชาชนและนั่นคือเป้าหมายที่ชัดเจนของเราในการที่จะทำให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะสร้างขึ้นนี้มีความเป็นประชาธิปไตยให้มากขึ้นเท่าที่เราสามารถจะทำได้ และเราจะใช้ความตั้งใจอย่างสุดกำลังที่จะทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นเรื่องที่ตอบสนองผลประโยชน์ของประชาชนทุกกลุ่มในสังคมได้อย่างดี

รัฐบาลมั่นใจว่าจะแสดงเจตจำนงที่ชัดเจนให้เกิดความมั่นใจว่าเราจะดำเนินการให้มีการลงประชามติเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญทันที เพราะฉะนั้นในวันที่13 กันยายน 2566  ที่จะประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)นัดแรก เราจะนำเอาวาระเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เข้าสู่การประชุมแน่นอน และจะมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนเพื่อเร่งหาข้อสรุปที่ยังไม่มีข้อยุติและเป็นปัญหาอยู่ จึงเป็นกระบวนการในขั้นตอนการทำประชามติที่จะเกิดขึ้นอย่างอยู่กับความเป็นจริงและเห็นพ้องต้องกันเพื่อร่วมกันในการทำให้รัฐธรรมนูญนี้เกิดขึ้นได้จริง 

เราจะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นแน่นอน เราจะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยความรอบคอบและให้เกิดผลได้อย่างเป็นจริง ให้พี่น้องประชาชนได้รับผลความสำเร็จแล้วค่อยพัฒนาการไปเพื่อทำให้ความต้องการของทุกๆ ฝ่ายประสบความสำเร็จโดยหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นเหมือนในอดีตที่เกิดขึ้นมาในหลายทศวรรษ เพราะเรารู้ว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมานั้นได้ทำลายความคาดหวังของพี่น้องประชาชน ทำลายสภาพเศรษฐกิจและหลายเรื่องในสังคมจนกระทั่งเป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบัน

การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น จะยึดแนวทางให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดทำ เรามุ่งมั่นมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนที่จะทำให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกิดขึ้น โดยคำนึงถึงว่าทำอย่างไรจึงจะหาความร่วมมือให้เป็นข้อยุติจากทุกๆ ฝ่าย ให้ยอมรับในความต้องการที่จะมีรัฐธรรมนูญแบบประชาธิปไตย แล้วค่อยๆ หาช่องทางในการที่จะเคลื่อนไหวทางสังคมให้มันมีการเปลี่ยนแปลงไปโดยมีจังหวะก้าว และมีความมั่นคงในสังคมไทย โดยหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น

รัฐบาลนี้ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เรายึดตามรัฐธรรมนูญปัจจุบันและยึดความต้องการของพี่น้องประชาชนว่าเราจะไม่แตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพสักการะของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ แต่เราร่วมกันจัดทำรัฐธรรมนูญที่เอื้อต่อพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ เอื้อต่อทุกภาคส่วนเพื่อทำให้รัฐธรรมนูญนี้มาจากความต้องการของคนทุกภาคส่วนจริงๆ และสามารถแก้ไขปัญหาพี่น้องประชาชนได้

สำหรับเรื่องการกระจายอำนาจ การวิพากษ์วิจารณ์เรื่องผู้ว่าฯ CEO อาจเป็นการมองโลกในแง่ร้ายมากเกินไป จึงอยากเชิญชวนทุกท่านมาร่วมกันมองในสิ่งที่จะเกิดประโยชน์ ลดความขัดแย้งและแก้ไขปัญหาในสังคมอย่างรอบด้านทุกมิติ

การกระจายอำนาจนั้นรัฐบาลพรรคไทยรักไทยในอดีต หรือพรรคเพื่อไทยในวันนี้ ขอให้ทุกท่านมั่นใจเพราะเราได้พิสูจน์ตัวเองมาแล้วว่าหลายเรื่องที่เราได้พูดไว้เราจะทำหากเป็นประโยชน์กับประชาชน

การดำเนินการเรื่องผู้ว่าฯ CEO เป็นกระบวนการที่ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินที่มีอยู่ในปัจจุบันสามารถที่จะสร้างประสิทธิภาพในการดูแลและแก้ไขปัญหาพวกนี้น้องประชาชนได้อย่างดี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนทุกส่วน หากการบริหารราชการที่มีอยู่ในภูมิภาคนั้นสามารถเป็นเอกภาพมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถทำควบคู่กันไปได้กับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเราอาจจะเห็นแตกต่างกับพรรคการเมืองบางพรรคที่อยู่ๆ จะตัดสินใจเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งประเทศในคราวเดียว ซึ่งอาจจะเกิดอะไรขึ้นกับสังคมและใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น

เรายังยืนยันไม่มีกลับกลอก ไม่มีพูดจาหลบเลี้ยวว่าเราจะให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดเมื่อมีความพร้อม ไม่ได้ทำทั้ง 76 จังหวัดเหมือนอย่างที่บางพรรคบางส่วนอยากให้เป็น ซึ่งหัวใจสำคัญของการกระจายอำนาจนั้นสิ่งสำคัญไม่ใช่รูปแบบ ในอดีตพรรคไทยรักไทยเคยทำนโยบายกองทุนหมู่บ้านที่เริ่มต้นด้วยการกระจายเงินของรัฐและการตัดสินใจไปที่ชุมชนและหมู่บ้าน หัวใจสำคัญคือทรัพยากรและอำนาจในการตัดสินใจใช้ทรัพยากรนั้น ซึ่งกองทุนหมู่บ้านประสบความสำเร็จในหลักคิดที่ทำให้ชุมชนในหมู่บ้านมีเงินหมู่บ้านละล้านทั้งหมด 70,000 หมู่บ้าน 70,000 ล้านบาท ที่เคยอยู่ในการตัดสินใจของรัฐและราชการส่วนกลาง ไปอยู่ในมือของพี่น้องประชาชนที่ร่วมกันคัดเลือกกรรมการในหมู่บ้านมาตัดสินใจในการใช้เงินแล้วกองทุนหมู่บ้านก็เป็นที่ยืนยาวมาจนถึงปัจจุบันแม้จะมีปัญหาเกิดขึ้นในบางส่วน แต่หากดูจากการวิจัยของเวิร์ลแบงค์ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน กองทุนหมู่บ้านละล้านก็ยังอยู่ในหมู่บ้านที่ทำให้เกิดประโยชน์โดยรวมทั้งหมดกับพี่น้องประชาชน นั่นคือการคิดเรื่องกระจายอำนาจที่สอดรับไปกับสังคมที่เป็นอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน

ดังนั้นจึงขอให้ทุกท่านอย่าละเลยจิตวิญญาณของเรื่อง อย่าสนใจแต่รูปแบบที่จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ อยากให้มองอะไรที่เป็นบวก มองให้เห็นความตั้งใจจริงของทุกๆ ฝ่ายเพื่อจะให้มีจุดเริ่มต้นการร่วมมือกันมากกว่าความแตกแยก

สิ่งสำคัญที่เราต่างกันแม้จุดมุ่งหมายซึ่งฟังดูแล้วก็คงจะคล้ายกัน ก็คือรัฐบาลเริ่มต้นที่โลกของความเป็นจริง อยู่กับความเป็นจริงและพัฒนาจุดบกพร่องจากความเป็นจริงให้มีอะไรที่ดีขึ้น รัฐบาลไม่ได้มองสิ่งที่เป็นความฝันหรืออยู่กับความฝันแล้วก็ทำให้ความฝันนั้นบรรลุได้ยากลำบาก แม้มันจะสามารถประสบความสำเร็จได้ในบางส่วนบางด้าน