เปิด 35 รายชื่อกรรมการศึกษาแนวทางทำประชามติ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์

“เศรษฐา”ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทําประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560

  • “ภูมิธรรม เวชยชัย” เป็นประธานกรรมการ
  • “ชูศักดิ์ ศิรินิล”- “กิตติพงษ์ กิตยารักษ์” เป็นรองประธาน
  • “พิชิต ชื่นบาน” – “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ร่วมเป็นกรรมการ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลังได้ลงนามในคําสั่งสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทําประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560

โดยที่การแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เป็นนโยบายเร่งด่วนสุดท้ายที่คณะรัฐมนตรีได้แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 11กันยายน พ.ศ. 2566 เพื่อให้ คนไทยได้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น โดยยึดรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและไม่แก้ไขในหมวดพระมหากษัตริย์ โดยรัฐบาลจะหารือแนวทางในการทําประชามติที่ให้ความสําคัญกับการทําให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมออกแบบกฎ กติกาที่เป็นประชาธิปไตย

ทันสมัยและเป็นที่ยอมรับร่วมกัน รวมถึงการหารือแนวทางการจัดทํารัฐธรรมนูญในรัฐสภาเพื่อให้ประเทศ สามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2566 ให้แต่งตั้ง คณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทําประชามติที่ให้ความสําคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน ในทุกภาคส่วน ในการออกกฎ กติกาที่เป็นประชาธิปไตย ทันสมัย และเป็นที่ยอมรับร่วมกัน ตลอดจนสอดคล้องกับ คําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์

นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงมีคําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทําประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 โดยมีองค์ประกอบ หน้าที่และอํานาจ ดังต่อไปนี้

องค์ประกอบ

นายภูมิธรรม  เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  เป็นประธานกรรมการ

นายชูศักดิ์ ศิรินิลรอง   เป็นประธานกรรมการคนที่ 1

นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์  เป็นรองประธานกรรมการคนที่ 2

นายนิกร จํานง   เป็นกรรมการและโฆษกคณะกรรมการ

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม    เป็นกรรมการ

นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ

พลเอก ชัชวาล ขําเกษม  เป็นกรรมการ

พลตํารวจเอก สุเทพ เดชรักษา เป็นกรรมการ

พลตํารวจเอก วินัย ทองสอง เป็นกรรมการ

นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์  เป็นกรรมการ

นายศุภชัย ใจสมุทร เป็นกรรมการ

นายวิรัตน์ วรศสิริน เป็นกรรมการ

นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท เป็นกรรมการ

นายวิเชียร ชุบไธสง เป็นกรรมการ

นายวัฒนา เตียงกูล เป็นกรรมการ

นายยุทธพร อิสรชัย เป็นกรรมการ

นายนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นกรรมการ

นายพรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย เป็นกรรมการ

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา  เป็นกรรมการ

นายประวิช รัตนเพียร เป็นกรรมการ

นายนพดล ปัทมะ เป็นกรรมการ

นายธนกร วังบุญคงชนะ เป็นกรรมการ

นายธงชัย ไวยบุญญา เป็นกรรมการ

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เป็นกรรมการ

นายเดชอิศม์ ขาวทอง เป็นกรรมการ

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เป็นกรรมการ

นายชาติพงษ์ จีระพันธุ เป็นกรรมการ

นายชนะโรจน์ เทียนธนะวัฒน์  เป็นกรรมการ

นางสิริพรรณ นกสวน สวัสดี เป็นกรรมการ

นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ เป็นกรรมการ

นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ เป็นกรรมการ

ผู้แทนพรรคก้าวไกล เป็นกรรมการ

ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการ

นายนพดล เภรีฤกษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา  เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

หน้าที่และอํานาจ

  • พิจารณาศึกษาแนวทางในการทําประชามติที่ให้ความสําคัญกับการมีส่วนร่วม ของประชาชนในทุกภาคส่วนในการออกกฎ กติกาที่เป็นประชาธิปไตยทันสมัย และเป็นที่ยอมรับร่วมกัน ตลอดจนสอดคล้องกับคําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ หารือแนวทางการจัดทํารัฐธรรมนูญในรัฐสภา เพื่อให้ คนไทยได้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยที่มากขึ้นและประเทศสามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง รวมทั้งเป็นไปตามคําแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2566
  • ให้คณะกรรมการมีอํานาจเชิญผู้แทนส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ ผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง ความเห็น หรือส่งเอกสาร หลักฐานใด ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณา
  • แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทํางาน หรือมอบหมายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติหน้าที่ หรือดําเนินการตามที่คณะกรรมการมอบหมายได้ตามความจําเป็น
  • ให้คณะกรรมการรายงานผลการดําเนินงานต่อนายกรัฐมนตรี
  • การเบิกจ่ายเบี้ยประชุมและค่าใช้จ่ายของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทํางาน ให้เป็นตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. 2547 หรือตามระเบียบทาง ราชการ แล้วแต่กรณี โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของสํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ช่องทางการติดตาม The Journalist Club

กดติดตาม X ได้ที่ https://twitter.com/jnc_journalist

กดติดตามเฟซบุ๊กได้ที่ https://www.facebook.com/profile.php?id=100060918555962&mibextid=ZbWKwL

TikTok ได้ที่ https://www.tiktok.com/@thejournalistclub?_t=8g5imD6NcUZ&_r=1

เว็บไซต์ www.thejournalistclub.com