

นายกฯเผยต้องเร่งเคลียร์กรณี “บิ๊กโจ๊ก” เกี่ยวข้องเว็บพนัน จี้พิสูจน์ทราบให้ชัดเจน เหตุกระทบขวัญ กำลังใจของประชาชน
- ชี้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องเว็บพนันถือเป็นเรื่องที่น่าอับอาย
- แต่ต้องให้โอกาสบุคคลที่ถูกกล่าวหา มาพิสูจน์ตัวเอง
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 149 เชื่อมโยงเว็บพนันออนไลน์ ว่า ยังไม่ได้รับรายงาน และยังไม่ได้พูดคุยกันเรื่องนี้ แต่ได้ทราบจากสื่อแล้วก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน เพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐแล้วถูกกล่าวโทษในเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่จะต้องพิสูจน์ทราบให้ชัดเจน เพราะจะกระทบกับขวัญและกำลังใจของพี่น้องประชาชน
“เรื่องของการพนันออนไลน์เป็นเรื่องที่ผิดอยู่แล้ว หากมีเจ้าหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ต้องทำให้ชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม ต้องให้เกียรติเพราะตอนนี้ยังถือว่าพล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ก็ต้องให้มาชี้แจง” นายเศรษฐากล่าว
เมื่อถามว่าเป็นแผนสกัดการนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร. ของพล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ในอนาคตหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ทราบแผน ไม่ทราบเรื่องอะไรทั้งสิ้น ตนเองมีหน้าที่ดูแลให้การกระทำถูกต้องตามกฎหมาย และขอย้ำว่าเรื่องการพนันออนไลน์เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และยิ่งมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยก็ถือเป็นเรื่องที่น่าอับอาย แต่เหนือสิ่งอื่นใดต้องให้โอกาสบุคคลที่ถูกกล่าวหา มาพิสูจน์ตัวเองด้วย อย่างไรก็ตามหากมีหลักฐานที่ชัดเจนก็จะต้องเป็นคำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในการที่จะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่
ส่วนกรณีนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้สัมภาษณ์ สื่อต่างประเทศยืนยันจะไม่มีการลดอัตราดอกเบี้ยว่า เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่หน้าที่ของตนเองคือการอธิบายให้ฟังถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ความเป็นอิสระและความที่เราไม่ได้เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง แต่ก็เชื่อว่าตนและผู้ว่า ธปท. มีความสำคัญและให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ส่วนที่บอกว่า 3ข้อเศรษฐกิจไทยไปไม่ได้ เรื่องของปิโตรเลียม เรื่องนักท่องเที่ยวจีน และเรื่องจับจ่ายใช้สอยที่งบประมาณยังไม่ลงมา เป็นเรื่องที่พูดคุยกันอยู่แล้ว โดยให้จีนนำเข้าสินค้าไทยเพิ่มมากขึ้น ให้นักท่องเที่ยวจีนมาจับจ่ายใช้สอยในประเทศมากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องค่าเดินทางแพง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ก็กำลังทำให้ค่าเดินทางถูกลง ทำให้มีเงินในกระเป๋ามากขึ้น สามารถจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากยิ่งขึ้น และในส่วนของงบประมาณทุกคนทราบกันดีว่า เราใช้นโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งตอนแรกคาดว่าจะใช้ได้เดือนพฤษภาคม แต่มีความเป็นไปได้มากว่าจะสามารถเริ่มใช้ได้ในเดือนเมษายน เรื่องนี้ทุกฝ่ายก็พยามทำกันอยู่
“ที่ผู้ว่าฯ ธปท. พูดออกมาสามข้อไม่มีเรื่องประชาชนเลย ผมเองอยากให้ท่านกลับไปคิดว่า วันนี้ประชาชนเดือดร้อนเราช่วยกันได้ ก็คงต้องพูดคุยกันต่อไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว