กรมศุลฯ เปิดจุดค้าชายแดนเบ็ดเสร็จที่แรกในไทยที่จ. หนองคาย



กรมศุลกากร เปิดศูนย์บริการค้าชายแดนเบ็ดเสร็จจุดเดียว จ. หนองคาย อำนวยความสะดวกผู้ประกอบการในการนำเข้า-ส่งออก ตั้งเป้าเพิ่มปริมาณการค้าชายแดน 2 เท่าตัวใน 3 ปี

  • ตั้งเป้าเพิ่มปริมาณการค้าชายแดน
  • 2 เท่าตัวใน 3 ปี

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมศุลกากรได้ร่วมมือกัน หน่วนงานพันธมิตร เปิดศูนย์บริการค้าชายแดนเบ็ดเสร็จ (วัน สต๊อป เซอร์วิส) ณ สำนักงานศุลกากรหนองคายขึ้นเป็นแห่งแรกของประเทศแล้ว

โดยมีการบูรณาการร่วมกับ 8 หน่วยงาน อาทิ สำนักงานศุลกากร หนองคาย สำนักงานพาณิชย์จังหวัดหนองคาย สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดหนองคาย สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่หนองคาย เป็นต้น ในการช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าชายแดน และค้าผ่านแดน และโลจิสติกส์ให้แก่ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่

ทั้งนี้วัน สต๊อป เซอร์วิส หนองคาย จะเป็นการนำร่องอำนวยความสะดวก  ทางการค้า การนำเข้า ส่งออก พร้อมทั้งจะลดกฎหมายและขั้นตอนที่ไม่จำเป็น เพื่อไม่ให้ภาครัฐเป็นอุปสรรคขัดขวางการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะช่วยส่งผลดีต่อการค้าชายแดน ให้เติบโตเป็น 2 เท่าใน 3 ปี

นอกจากนี้ กรมศุลฯ ยังได้ปรับปรุงแพลตฟอร์มกลางการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว หรือ ไทยแลนด์ เนชันแนล ซิงเกิล วินโดว์ โดยได้นำร่องกลุ่มสินค้าพืชเกษตร 673 พิกัดรายการสินค้า ด้วยการเปิดให้บริการยื่นคำขอเพื่อขอรับใบอนุญาต ใบรับรองประกอบการนำเข้าสินค้าพืชเกษตร ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.67 ที่ผ่านมา

ซึ่งรองรับการขอรับใบอนุญาต ใบรับรองสินค้าเกษตร ที่มีการควบคุมร่วมกันระหว่างกรมวิชาการเกษตร และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา 415 รายการ โดยผู้นำเข้าสินค้าสามารถยื่นคำขอและส่งข้อมูลเพียงครั้งเดียว

ขณะเดียวกัน กรมศุลฯยังได้พัฒนาระบบ ไทยแลนด์ เทรด เจอร์นีย์ เพื่อสนับสนุนการทำงานของศูนย์บริการค้าชายแดนเบ็ดเสร็จ และช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจด้านการนำเข้า – ส่งออก ในด้านข้อมูลที่สำคัญรวมถึงช่องทางการติดต่อกับระบบสารสนเทศ
ของหน่วยงานภาครัฐ โดยผู้ประกอบการสามารถขอใบอนุญาตหรือใบรับรองผ่านระบบได้โดยตรง พร้อมเข้าถึงข้อมูล ขั้นตอน กฎหมาย และสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรอย่างครบถ้วน

ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการใหม่ ได้ทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน ทั้งระเบียบ กฎหมาย การขออนุญาตการนำเข้า – ส่งออก ต่าง ๆ ซึ่งได้นำร่องส่งออกสินค้าประเภทผลไม้ 22 ชนิด และการนำเข้าสินค้าประเภท ผัก ผลไม้ วัตถุอันตราย ปุ๋ย เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ 20 รายการ

นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวเสริมว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ที่ประชุมเห็นชอบให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งวางแผนและดำเนินการเร่งรัด กำกับติดตามการดำเนินการต่าง ๆ ในภาพรวม เพื่อให้การจัดตั้งศูนย์บริการค้าชายแดนเบ็ดเสร็จ (One Stop Service : OSS)

ณ สำนักงานศุลกากรหนองคายแล้วเสร็จโดยเร็วเป็นแห่งแรก กรมศุลกากรในฐานะที่เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง และเป็นหน่วยงานหลักซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตรวจปล่อยสินค้าในพื้นที่ด่านชายแดน ได้เร่งดำเนินการเพื่อก่อตั้งศูนย์บริการค้าชายแดนเบ็ดเสร็จจุดเดียว จังหวัดหนองคาย (Nong Khai Border Trade One Stop Service : NKBTOSS) แห่งนี้จนสำเร็จ

โดยบูรณาการร่วมกับ 8 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานศุลกากรหนองคาย สำนักงานพาณิชย์จังหวัดหนองคาย สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดหนองคาย สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่หนองคาย ด่านตรวจพืชหนองคาย ด่านกักสัตว์หนองคาย ศูนย์บริหารจัดการด่านตรวจประมงเขต 2 และด่านอาหารและยาหนองคาย

สำหรับการปรับปรุงแพลตฟอร์มกลางการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (Thailand National Single Window : Thai NSW) กรมศุลกากรดำเนินการนำร่องในกลุ่มสินค้าพืชเกษตร จำนวน 673 พิกัดรายการสินค้า โดยเปิดให้บริการยื่นคำขอเพื่อขอรับใบอนุญาต ใบรับรองประกอบการนำเข้าสินค้าพืชเกษตร ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2567

ซึ่งรองรับการขอรับใบอนุญาต ใบรับรองสินค้าเกษตร ที่มีการควบคุมร่วมกันระหว่างกรมวิชาการเกษตร และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จำนวน 415 รายการพิกัดสินค้า

โดยผู้นำเข้าสินค้าสามารถยื่นคำขอและส่งข้อมูลเพียงครั้งเดียว และเพื่อสนับสนุนการทำงานของศูนย์ OSS กรมศุลกากรจึงได้พัฒนาระบบ Thailand Trade Journey ขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจด้านการนำเข้า – ส่งออก โดยอำนวยความสะดวกในด้านข้อมูลที่สำคัญรวมถึงช่องทางการติดต่อกับระบบสารสนเทศ ของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถขอใบอนุญาต หรือใบรับรองผ่านระบบได้โดยตรง พร้อมเข้าถึงข้อมูล ขั้นตอน กฎหมาย และสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรอย่างครบถ้วน

ทั้งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ประกอบการที่เริ่มทำธุรกิจใหม่ ๆ ได้ทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน ทั้งระเบียบ กฎหมาย การขออนุญาตการนำเข้า – ส่งออก ต่าง ๆ ซึ่งในการส่งออกได้นำร่องสินค้าประเภทผลไม้ จำนวน 22 ชนิด ของหน่วยงาน กรมวิชาการเกษตร สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ และกรมการค้าต่างประเทศ และการนำเข้าได้นำร่องสินค้าประเภท ผัก ผลไม้ วัตถุอันตราย ปุ๋ย เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ จำนวน 20 รายการ

โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ กรมวิชาการเกษตร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

นอกจากนี้ เพื่อลดภาระการบันทึกข้อมูลที่ซ้ำซ้อน และสามารถส่งข้อมูลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ได้ในครั้งเดียว จึงได้มีการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบ Single Submission โดยดำเนินการนำร่องกับ
การนำเข้าสินค้าพืชเกษตรที่มีการควบคุมมากกว่าหนึ่งหน่วยงาน เช่น สินค้าพืชที่เป็นวัตถุดิบ อาหารสัตว์
ส้มแมนดาริน มันสำปะหลัง กระเทียม ลิ้นจี่ ทุเรียนแช่แข็ง ลำไย

เกี่ยวข้องกับ 5 หน่วยงาน ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร กรมปศุสัตว์ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กรมการค้าต่างประเทศ และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยจะช่วยลดระยะเวลาในการกรอกข้อมูลลงได้มากที่สุดถึง 60% อันเป็นการขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนที่เป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจ

สำหรับในวันนี้ได้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างกรมศุลกากรกับกรมวิชาการเกษตร
โดยทั้งสองหน่วยงานได้เยี่ยมชมการสาธิตการตรวจสอบซีลและหมายเลขตู้คอนเทนเนอร์ พร้อมรายงานด่านตรวจพืชหนองคายเพื่อดำเนินการออกใบรับรองสุขอนามัยพืช

ซึ่งเป็นแนวทางในการลดขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าชายแดนและผ่านแดน การบริการภาครัฐรวมอยู่ในระบบเดียวให้มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : “ลวรณ” นัด 2 อธิบดี “กรมศุลกากร-สรรพากร”​ถกภาษีสินค้าสั่งซื้อออนไลน์

: กรมศุลกากร