“นิด้าโพล” เผยผลสำรวจ 44% เห็นด้วยขึ้นค่าแรงทั่วประเทศ 1 ต.ค.นี้

นิด้าโพล
นิด้าโพล


“นิด้าโพล” เผย ผลสำรวจความเห็นกว่า 44.50% เห็นด้วย ทยอยขึ้นค่าแรงทั่วประเทศ 1ต.ค.67 ส่วน 60.84% เชื่อว่าค่าแรงที่ปรับขึ้น จะไม่คุ้มกับค่าอาหาร ค่าครองชีพที่อาจจะสูงขึ้น

  • 60.84% เชื่อว่าค่าแรงที่ปรับขึ้น จะไม่คุ้ม
  • กับค่าอาหาร ค่าครองชีพที่อาจจะสูงขึ้น

วันที่ 12 พ.ค.2567 ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่องค่าแรงขึ้น…คุ้มมั๊ย กับ ค่าแกง?

จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการทยอยปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาล พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 44.50 ระบุว่า เห็นด้วยกับการทยอยปรับขึ้นทั่วประเทศ เริ่มวันที่ 1 ตุลาคม 2567 นี้

รองลงมา ร้อยละ 25.34 ระบุว่า ควรปรับขึ้นเท่ากันทั่วประเทศทันที ไม่ต้องรอวันที่ 1 ตุลาคม 2567

ส่วน ร้อยละ 16.41 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าแรง 400 บาท ทั่วประเทศในปีนี้ ร้อยละ 13.05 ระบุว่า ควรปรับขึ้นทั่วประเทศโดยไม่มีการทยอยปรับ เริ่มวันที่ 1 ตุลาคม 2567 นี้ และร้อยละ 0.70 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ด้านความเชื่อมั่นของประชาชนว่าคณะกรรมการค่าจ้างจะเห็นด้วยกับข้อเสนอของรัฐบาล พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 40.23 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่น รองลงมา ร้อยละ 24.12 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ 20.84 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อมั่น ร้อยละ 10.23 ระบุว่า เชื่อมั่นมาก และร้อยละ 4.58 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

สำหรับความเชื่อมั่นของประชาชนว่ารัฐบาลจะเริ่มทยอยปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.01 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่น รองลงมา ร้อยละ 25.95 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ 23.36 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อมั่น ร้อยละ 9.92 ระบุว่า เชื่อมั่นมาก และร้อยละ 1.76 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะคุ้มกับค่าอาหารและค่าครองชีพในปัจจุบัน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 60.84 ระบุว่า เชื่อว่าค่าแรงที่ปรับขึ้น จะไม่คุ้มกับค่าอาหาร ค่าครองชีพที่อาจจะสูงขึ้น

ขณะที่ รองลงมา ร้อยละ 23.97 ระบุว่า เชื่อว่าค่าแรงที่ปรับขึ้น จะคุ้มกับค่าอาหาร ค่าครองชีพที่อาจจะสูงขึ้น ร้อยละ 9.46 ระบุว่า เชื่อว่าค่าแรงที่ปรับขึ้น ไม่ใช่เหตุผลหลัก ที่ทำให้ค่าอาหาร ค่าครองชีพสูงขึ้น ร้อยละ 4.89 ระบุว่า เชื่อว่าค่าแรงที่ปรับขึ้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับค่าอาหาร ค่าครองชีพที่สูงขึ้น และร้อยละ 0.84 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

  • “อนุสรณ์” มั่นใจ ค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ไร้ปัญหา

ด้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ ว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และต้องได้ทุกกิจการทุกภาคส่วนทั่วทั้งประเทศ ในวันที่ 1 ต.ค.นี้

เพื่อเตรียมการผลักดันไปสู่การขี้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 600 บาทต่อวันในปี 2570 ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทย ที่เคยชูธงหาเสียงไว้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แม้การพิจารณาเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ

จะเป็นเรื่องของคณะกรรมการไตรภาคี แต่เมื่อการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล คณะกรรมการไตรภาคีก็ได้รับทราบนโยบายของรัฐบาลนี้มาตั้งแต่ต้น จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ยืนยันว่า นโยบายการการปรับขึ้นต่าแรงขึ้นต่ำของรัฐบาล

ดำเนินการตามกรอบกอบกฎหมายทุกประการ ไม่มีการแทรกแซงจากฝ่ายใด ระหว่างนี้ทางรัฐบาลโดยกระทรวงแรงงาน จะเร่งหามาตรการเพื่อช่วยลดภาระ SME ให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ต่อไป

โดยมั่นใจว่านโยบายการปรับขึ้นต่าแรงขั้นต่ำจะไม่เกิดปัญหาหรืออุปสรรคใด สิ่งที่ควรทำควบคู่กับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ คือการเสริมทักษะพัฒนาคุณภาพฝีมือแรงงาน เพื่อให้ผู้ประกอบการอยู่ได้ ผู้ใช้แรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ด้าน นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีนโยบายค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศว่า รัฐบาลประกาศชัดเจนว่ามีนโยบายปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ โดยจะให้มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ซึ่งก็ต้องมาดูรายละเอียดอยู่มากพอสมควร เราเข้าใจทั้งฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้าง ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องอยู่ร่วมกัน พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เมื่อจะมีการปรับขึ้นค่าแรง การปรับค่าจ้างขั้นต่ำ

กฎหมายจึงมีเจตนารมณ์ที่กำหนดกลไก ให้มีคณะกรรมการค่าจ้าง หรือที่เรียกว่าไตรภาคี จะมีภาครัฐ ผู้แทนนายจ้าง ผู้แทนลูกจ้าง ผู้แทนรัฐบาล ต้องพูดคุยกันเพื่อพิจารณา อัตราค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับอยู่ โดยคำนึงถึงดัชนีค่าครองชีพ มาตรฐานการครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ ต้นทุนการผลิต ราคาของสินค้าและบริการ ความสามารถของธุรกิจ ผลิตภาพแรงงานผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ และข้อเท็จจริงอื่นๆ นำมาร่วมในการพิจารณา เพื่อนำไปสู่การพิจารณาขึ้นค่าแรง

นายราเมศกล่าวต่อว่า ขอย้ำว่าสนับสนุนให้รัฐบาลพิจารณานโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี ให้เป็นไปตามมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองแรงงาน ตามที่คณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ได้พิจารณาแล้ว แต่เรื่องนี้ควรต้องแยกการพิจารณาออกไปในแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัด

เพราะข้อเท็จจริงการขึ้นค่าแรงไม่เหมือนกันทั้งหมด เมื่อได้ความเหมาะสมแล้วก็จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) นี่คือขั้นตอนที่ต้องเป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานและกลไกการพิจารณา พรรคการเมืองและรัฐบาลจะพิจารณาเรื่องนี้ตามอำเภอใจไม่ได้ แม้แต่การกำหนดเป็นนโยบายพรรคการเมืองที่ประกาศว่าจะขึ้นค่าแรงเท่านั้นเท่านี้ ตนอยากถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าเป็นนโยบายที่ทำได้จริงถูกต้องตามกฎหมายแล้วหรือไม่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: “นิด้าโพล” เปิดผลสำรวจประชาชนเรื่อง “แก้ไขรัฐธรรมนูญ…เอาไงดี?”

เว็บไซต์ นิด้าโพล