ไทยส่งออก “ทุเรียน” ไปขายจีนยอดลดลง ฉุดส่งออกพลิกติดลบ

ทุเรียน
ทุเรียน


ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยส่งออก “ทุเรียน” ไปขายจีนยอดลดลง ฉุดส่งออกไทยในเดือนมิ.ย.ปีนี้ พลิกติดลบที่ร้อยละ 0.3 และคาดว่าทั้งปีการส่งออกอาจจะขยายตัวเพียงร้อยละ 1.5 จากเป้าหมายที่ร้อยละ 2

วันที่ 27 ก.ค.2567 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การส่งออกไทยในเดือน มิ.ย.2567 พลิกหดตัวที่ร้อยละ 0.3 เทียบกับระยะเดัยวกันปีก่อน สวนทางกับตลาดที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ที่ระดับร้อยละ 2.6 โดยปัจจัยฉุดให้ติดลบมาจากการส่งออกทุเรียนสดไปจีนที่ลดลงมากถึงร้อยละ 42.9

ซึ่งส่งผลให้การส่งออกไทยไปจีนในเดือน มิ.ย. ปีนี้ ติดลบที่ร้อยละ 12.3 เนื่องจากปัจจัยฐานที่สูงในเดือนมิ.ย.ปีก่อน

ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออก ทุเรียน ทั้งปีมีแนวโน้มหดตัวจากปีก่อนหน้า เนื่องจากผลผลิตทุเรียนออกมาน้อยตามสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย นอกจากนี้ การส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไปจีนก็หดตัวต่อเนื่อง

ขณะที่การส่งออกรถยนต์พลิกกลับมาขยายตัว รวมถึงส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยการส่งออกรถยนต์กลับมาขยายตัวได้ถึงร้อยละ 13.5 จากการส่งออกรถยนต์นั่งและปิคอัพที่เพิ่มขึ้นในตลาดอาเซียน และตลาดรองอื่น ๆ อาทิ เม็กซิโก และซาอุดิอาระเบีย

ด้านการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯ ได้แก่ ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDDs) เครื่องพิมพ์ และโทรศัพท์และส่วนประกอบ ซึ่งหนุนให้การส่งออกไปสหรัฐฯ ขยายตัวเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน

แต่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แนวโน้มการส่งออกไทยมีโอกาสขยายตัวได้ต่ำลงกว่าครึ่งปีแรก ที่ขยายตัวที่ร้อยละ 2  จากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักมีแนวโน้มเติบโตต่ำลง และอุปสงค์อิเล็กทรอนิกส์จากไทยในตลาดโลกจำกัด

ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคงประมาณการภาพรวมการส่งออกไทยในปี 2567 จะขยายตัวที่ร้อยละ 1.5 โดยยังคงต้องติดตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ยังมีความไม่แน่นอนและอาจส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศ

ก่อนน้านี้เมื่อ 31 พฤษภาคม 2567 กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยข้อมูลจาก Global Trade Atlas (GTA) ว่า ประเทศไทยส่งออกทุเรียนสดไปยังจีนกว่า 121,398 ตัน มากที่สุดเป็นอันดับ 1 โดยคิดเป็นมูลค่า 717 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 25,000 กว่าล้านบาท)

สูงกว่าอันดับ 2 อย่างเวียดนามที่มีการส่งออกที่ 79,186 ตัน มูลค่า 369 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจากความต้องการที่ยังมีต่อเนื่อง น่าจะทำให้ไทยยืน 1 ในการส่งออกทุเรียนสดไปจีน

  • แนะชาวสวนทุเรียนใต้ พัฒนาคุณภาพ

ด้านนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยและอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) สงขลา เป็นประธานเปิดงานประชุมวิชาการ “การฟื้นต้นทุเรียนหลังเก็บเกี่ยวผลผลิต” ณ ข้างเทศบาลตำบลบางกล่ำ อ.บางกล่ำ จ.สงขลา

นายนิพนธ์ กล่าวว่า ทุเรียน เป็นพืชเศรษฐกิจเป็นที่สำคัญ และเป็นที่ต้องการของตลาดส่งออกไปต่างประเทศ โดยเฉพาะเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคชาวจีนในปัจจุบัน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดและยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นไปยังทุกภูมิภาคในอนาคต

ดังนั้น เกษตรกรชาวสวนทุเรียนจำเป็นต้องมีการปรับตัว และศึกษาหาแนวทางในการเพิ่มผลผลิต และพัฒนาคุณภาพของทุเรียนให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ มาตรฐานเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด

“ปัจจุบันเราส่งออกไปขายต่างประเทศปีละแสนกว่าล้านบาท และภาคใต้มีหลายพื้นที่ๆ เหมาะแก่การปลูกทุเรียน เราต้องมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ดีต่อกันเพื่อเป็นการต่อยอดองค์ความรู้ เพื่อให้ประสบความสำเร็จ ในอาชีพการเป็นชาวสวนทุเรียนต่อไปในอนาคต”นายนิพนธ์กล่าว

  • สื่อจีนอวด ทุเรียนที่ปลูกเองในประเทศ

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานถึงความสำเร็จในการปลูกทุเรียนภายในประเทศจีน โดยจั่วหัวว่า “ทุเรียนปลูกเองในไหหลำ หนุนการฟื้นฟูชนบท” และระบุว่า เมื่อไม่นานนี้ ทุเรียนที่ปลูกภายในประเทศของจีนเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวเพื่อส่งขายแล้ว

สำนักข่าวซินหัว (Xinhua) ภาคภาษาไทย ของทางการจีน รายงานเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2024 ถึงความสำเร็จในการปลูกทุเรียนภายในประเทศ โดยจั่วหัวว่า “ทุเรียนปลูกเองในไหหลำ หนุนการฟื้นฟูชนบท”

เนื้อหาในรายงานดังกล่าวมีขนาดสั้น ๆ ระบุว่า เมื่อไม่นานนี้ ทุเรียนที่เพาะปลูกภายในประเทศของจีนในเมืองซานย่า มณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) ทางตอนใต้ของจีน ได้เข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวเพื่อส่งตลาดแล้ว

รายงานระบุว่า จีนถือเป็นผู้นำเข้าและผู้บริโภคทุเรียนรายใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งพึ่งพาการนำเข้าทุเรียนจากต่างประเทศเพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศมาอย่างยาวนาน

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมืองซานย่าที่เป็นแหล่งผลิตหลักของทุเรียนที่ผลิตภายในประเทศ ได้เดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมทุเรียน พร้อมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเพาะปลูก

ปัจจุบันเมืองซานย่าขยับขยายพื้นที่เพาะปลูก พัฒนาเทคนิคเพาะปลูก เปิดร้านค้าจำหน่ายทุเรียนที่ผลิตภายในประเทศ และสร้างสรรค์แบรนด์ทุเรียนต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูชนบทฃ

  • เวียดนามคาดส่งออกทุเรียนทะลุแสนล้าน

ขณะที่ด้านคู่แข่งสำคัญของไทย อย่าง “เวียดนาม” สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ว่าสมาคมผักและผลไม้แห่งเวียดนามคาดการณ์ มูลค่าการส่งออกทุเรียนของเวียดนามในปีนี้ อาจสูงเกิน 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 108,000 ล้านบาท )

ทั้งนี้ บรรดาคนในแวดวงอุตสาหกรรมทุเรียนของเวียดนามยังคงเชื่อมั่น ว่าการส่งออกทุเรียนของเวียดนามสู่จีนมีแนวโน้มสดใส

อนึ่ง รายได้จากการส่งออกทุเรียนของเวียดนาม ระหว่างเดือนม.ค.-มิ.ย. ที่ผ่านมา มีมูลค่าสูงกว่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 47,000 ล้านบาท ) เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี

  • ส.ทุเรียนขอรัฐอุดหนุนห้องเย็น รับซื้อทุเรียนหนอนเจาะ

นายภาณุวัชร์ ไหมแก้ว นายกสมาคมผู้ประกอบการส่งออกทุเรียน มังคุด กล่าวถึงปัญหาหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมานานและแก้ไขยาก เนื่องจากไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก

ที่ผ่านมาเมื่อทางสำนักงานศุลกากรกลางสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) ตรวจพบและตีกลับ ก็จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของคุณภาพทุเรียนไทยทันที ดังนั้นการแก้ปัญหาต้องมองเป็น “ทุเรียนไทย” ทั้งหมด ไม่ใช่แบ่งแยกเป็นทุเรียนจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง

ส่วนการแก้ปัญหากรณีที่ล้งไม่ยอมรับซื้อทุเรียนยะลา เพราะเสี่ยงต่อการมีหนอนเจาะเมล็ดที่จะติดไปกับทุเรียนไทยที่ส่งไปตลาดต่างประเทศนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องจัดสรรงบประมาณให้ “ธุรกิจห้องเย็น” ในการรับซื้อทุเรียนในพื้นที่ที่มีปัญหาหนอนเจาะเมล็ดทั้งหมด

โดยขีดวงระบุเป็นรายจังหวัดให้ชัดเจนในทุกภาคที่พบปัญหาหนอนเจาะเมล็ดจำนวนมาก เพื่อช่วยเหลือทั้งเกษตรกรเจ้าของสวน และไม่ให้มีปัญหาในการส่งออก โดยราคารับซื้อจะต้องเป็นธรรม และไม่แตกต่างกับทุเรียนปกติมากเกินไป

ยกตัวอย่าง กรณีที่ล้งรับซื้อทุเรียนเกรด AB ราคา 150-155 บาท ถ้าราคา ห้องเย็นรับซื้อทุเรียนที่เป็นรูหรือมีหนอนก็ต้องมีราคาไม่ต่ำกว่า 60-70 บาทต่อ กก. “ราคาที่รับซื้อเข้าห้องเย็นต้องเป็นราคาที่เกษตรกรและผู้ประกอบการยอมรับได้ ผู้ประกอบการเองจะอยู่รอ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ทุเรียนไหหลำ ล็อตแรกออกมาเตือนเกษตรกรและผู้ส่งออกไทย

: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย